เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

"กสิกร" ชูกลุ่มดิจิทัลรับเมกะเทรนด์

ข่าววันที่ : 25 มิ.ย. 2562


Share

tmp_20192506085152_1.jpg

วันที่ ปรับปรุง 25 มิ.ย. 2562

          บลจ.กสิกรไทยเปิด"2 ธีมลงทุน" รับเมกะเทรนด์และการเปลี่ยนแปลง  กิจการเกี่ยวข้องกับ "ลงทุนภาครัฐ" และการพัฒนานวัตกรรมหรือดิจิทัล ชูหุ้นรับเหมา อสังหาฯ พลังงานทดแทน และค้าปลีก คงเป้าดัชนีปีนี้ 1,750 จุด

          นางสาวธิดาศิริ  ศรีสมิต  รองกรรมการ ผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุน ตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ตระหนักถึงความสำคัญของ การเปลี่ยนแปลงของโลก (Megatrends) โดยมอง 2 ธีมการลงทุนที่จะเป็นเทรนด์หลักในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงคือ การลงทุนภาครัฐ และการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัล โดย กลุ่มหุ้นที่จะได้รับประโยชน์ เช่น กลุ่มรับเหมา ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ พลังงานทดแทน และค้าปลีก

          เนื่องจากการลงทุนภาครัฐ เริ่มมีการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ การลงทุนระบบคมนาคม นับตั้งแต่ปี 2558 เริ่มทยอยเปิดประมูลโครงการลงทุนกว่า 7 แสนล้านบาท จะเริ่มมีเม็ดเงินลงทุน ทยอยเข้ามา และยังคงเปิดประมูลโครงการลงทุนต่อเนื่อง ภายใต้เม็ดเงินลงทุนรวมประมาณ 2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 12% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ซึ่งเม็ดเงินลงทุนจะชัดเจนมากขึ้นใน ปี 2563 เป็นระยะเวลาการลงทุน 5-7 ปี ช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า ในส่วนการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัล มองว่า ไทยควรจะลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาเพิ่มเติม จากการลงทุนวิจัยและพัฒนา ของไทยทั้งรัฐและเอกชนยังต่ำและกระจุกตัว  ที่ระดับ 3.5% ต่อจีดีพี เมื่อเทียบกับสหรัฐ เกาหลีใต้และญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับ 2.5-4% ซึ่ง จะเห็นเม็ดเงินลงทุนด้านการวิจัยและ พัฒนาของภาครัฐจะเพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น  30% ใน 2564 หรือคิดเป็น 1.5% ของจีดีพี

          นอกจากนี้ทางด้านตลาดหุ้นไทย ยังคง มีปัจจัยสนับสนุนจากปัจจัยภายในประเทศ โดยเสถียรภาพของรัฐบาลจะมีความสำคัญต่อภาวะการลงทุนในระยะถัดไป อีกทั้งการกระตุ้นการลงทุนและการบริโภค ภายในประเทศจะเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุน การเติบโตของเศรษฐกิจ ทดแทนการ ส่งออกที่คาดว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจากการค้าโลกที่เติบโตช้าลง

          ทั้งนี้ ธนาคารกลางประเทศหลักยังคง ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นเพื่อรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจ  ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ไทย ปรับตัวลดลงตาม และยังคงคาดว่าดอกเบี้ย นโยบายของไทยมีแนวโน้มทรงตัวไป อย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2562 ดังนั้น บริษัทยังคงเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นปี 2562 ที่ระดับ 1,750 จุด คาดการณ์อัตรา การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS ปี 2562) ที่ 11% PE ที่ 14.5 เท่า และ Dividend Yield ที่ประมาณ 3.4%

          "สาเหตุที่ยังไม่ปรับเป้าดัชนี เพราะ ช่วงนี้อัพไซด์ไม่มีมากแล้ว ตลาดรับรู้ปัจจัยเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยไปช่วงหน้าแล้ว หลังจากนี้ตลาดยังรอความชัดเจนการประชุม จี20 ที่จะมีการประชุมปลายเดือนนี้"

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ  วันที่ 25 มิถุนายน 2562