บทบาทสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ
ให้คะแนนเนื้อหา
คะแนนเฉลี่ย 0.0 จำนวนผู้โหวด 0วันที่ ปรับปรุง 19 มี.ค. 2562
ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน
บทบาทสถาบันการเงินของรัฐมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติมาโดยตลอด ยิ่งในยุคหลังๆ ยิ่งทวีความสำคัญเพิ่มขึ้น ซึ่งแต่เดิมมาสถาบัน การเงินของรัฐมีหน้าที่ลดช่องว่างทาง การเงินช่วยรัฐพัฒนาระบบการเงินของประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
แต่ปัจจุบันสถาบันการเงินของรัฐทำหน้าที่ที่หลากหลายมากขึ้นและไม่ใช่แค่การกระตุ้นระบบเศรษฐกิจระยะสั้นเท่านั้น แต่รวมถึงการสนองนโยบายรัฐเพื่อการพัฒนาประเทศ การกระตุ้น เศรษฐกิจระยะยาว และการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ รวมถึงแก้ปัญหาความยากจนก็เป็นบทบาทที่เห็นได้จากสถาบันการเงินของรัฐด้วย
โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมากของความมุ่งมั่น ที่จะแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งมีธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส. เป็นแกนหลัก มี ผู้มาลงทะเบียนทั้งประเทศกว่า 11 ล้านราย
โดยในส่วนของธนาคารออมสินได้กำหนดเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปีละไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน ซึ่งภายในปี 2563 คาดว่าจะสามารถพัฒนาผู้มีบัตรได้กว่า 1 ล้านคน ผ่านกลไก 3 สร้าง "สร้างความรู้เพื่อการประกอบอาชีพ สร้างตลาดเพื่อเป็นแหล่งหารายได้ และสร้างประวัติทางการเงินเพื่อให้มีเครดิตในการใช้บริการทางการเงินกับสถาบันการเงิน"ทั้งหมดนี้ก็เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ แก้ไขความยากจนอย่างยั่งยืน ซึ่งผลลัพธ์จากโครงการนี้ค่อนข้างเป็นรูปธรรมชัดเจน ทั้งด้วยจำนวนผู้ที่ถือบัตรที่ได้รับการพัฒนาและรายได้ที่เพิ่มขึ้น
โดยผลประเมินของธนาคารออมสินที่สำรวจจากผู้ถือบัตรที่พัฒนาแล้ว 502,586 ราย พบว่าผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 54.05 และเป็นผู้ถือบัตรที่มีรายได้ปี 2561 พ้นเส้นความยากจน (รายได้มากกว่า 30,001-100,000 บาท/ปี) จำนวน ถึงร้อยละ 38.99 เป็นผู้ถือบัตรที่มีรายได้หลุดพ้นจากเกณฑ์ผู้มีรายได้น้อย (รายได้มากกว่า 100,001 บาท/ปี) ถึงร้อยละ 9.44 ซึ่งสอดคล้องกับผลวิจัยคุณภาพชีวิตคนฐานรากปี 2561 ของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจ และเศรษฐกิจฐานรากธนาคารออมสิน ที่ระบุว่า ประชาชนฐานรากมีดัชนีคุณภาพชีวิตอยู่ที่ 0.7180 โดยกลุ่มผู้ถือบัตรที่ลงทะเบียนกับธนาคารออมสินมีดัชนีคุณภาพชีวิตอยู่ที่ 0.6385 และเมื่อเปรียบเทียบดัชนีคุณภาพชีวิตในกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เป็นลูกค้าธนาคารออมสินพบว่ามีดัชนีคุณภาพชีวิตอยู่ที่ 0.6392 สูงกว่ากลุ่มผู้มีบัตรที่ไม่ใช่ลูกค้าของธนาคาร
นอกจากโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว ยังมีโครงการแก้ไขหนี้นอกระบบที่รัฐมอบหมายให้ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.เป็นแกนกลางในการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ โดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนนอกระบบ เพื่อลดปัญหาหนี้นอกระบบที่มีภาระดอกเบี้ยสูงซึ่งมีผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ โดยในส่วนของธนาคารออมสินพบว่ามีผู้มาขอสินเชื่อเพื่อแก้ไขหนี้นอกระบบรวม 281,264 ราย จากผู้ลงทะเบียน 519,087 ราย โดยธนาคารออมสินได้ปล่อยสินเชื่อให้ 258,725 ราย คิดเป็นเงินกว่า 23 ล้านบาท
ขณะที่ในส่วนของการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว สถาบันการเงินเฉพาะกิจก็ได้รับมอบหมายให้ ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจดิจิทัลซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มใหม่ของระบบเศรษฐกิจไทย โดยมีกลไกสำคัญอยู่ที่การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เติบโตเข้มแข็ง พัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้มีโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งในส่วนของธนาคารออมสินนอกจากการสนับสนุนส่งเสริมผู้ประกอบการในเรื่องของเงินทุนแล้ว ยังมีการบ่มเพาะแนวคิด สร้างเครือข่าย และต่อยอดธุรกิจให้กับผู้ประกอบการผ่านความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและหอการค้าจังหวัด โดยมีศูนย์ธุรกิจ SMEs ของธนาคารออมสินทั่วประเทศ ช่วยหนุนเสริมให้ธุรกิจ SMEs แจ้งเกิดได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน ดังนั้นหากจะฟันธงว่าปัจจุบันสถาบันการเงินของรัฐเป็นกลไกของการเดินหน้ายุทธศาสตร์ชาติในทุกภารกิจก็ไม่น่าจะผิดจากความเป็นจริง
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 19 มีนาคม 2562