โมเดลเก่าไม่รอด ต้องคลอดโมเดลใหม่
ให้คะแนนเนื้อหา
คะแนนเฉลี่ย 0.0 จำนวนผู้โหวด 0วันที่ ปรับปรุง 12 มี.ค. 2562
จำลักษณ์ ขุนพลแก้ว
การเริ่มต้นทำธุรกิจในอดีตอาจเกิดจากความรัก ความรู้ โอกาสที่มองเห็น ช่องว่างทางการตลาด เงินทุนที่พร้อม ฯลฯ แต่จุดเริ่มต้นการทำธุรกิจ ในปัจจุบันเพียงแค่เหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง คงไม่เพียงพอ การวางแผนธุรกิจที่รอบคอบรัดกุม การคำนึงถึงโอกาสความเสี่ยง และความคุ้มค่า ทำให้ผู้ประกอบการหรือ นักธุรกิจรุ่นใหม่ต้องใส่ใจกับรูปแบบธุรกิจ (business model) ซึ่งมีตัวอย่างโมเดลธุรกิจที่ช่วยขยายกรอบความคิดจากห่วงโซ่ คุณค่าเดิม (value chain) ไปสู่แนวทางใหม่ๆ ที่แข็งแรงมากขึ้น ดังนี้
- Short value chain ทำให้กระบวนการภายในสั้นกระชับ รวดเร็ว ไม่สูญเปล่าสิ้นเปลือง อาทิ การลดการขนส่งของซูเปอร์มาเก็ตหรือร้านอาหารที่นำเอาแปลงปลูกผักสมัยใหม่มาใส่ไว้พื้นที่ภายในหรือหลังร้าน
- Expand margin เปิดโอกาสให้ลูกค้า Customize ได้ตามความต้องการ เช่น ร้านเบเกอรี่ที่ให้เลือกแต่งหน้าเค้กได้เอง จากหน้าจอคอม หรือเลือกติดตั้งแอพของสมาร์ทโฟน
- Widening the chain การเปิดสาขาธนาคารในอดีตใช้เวลานาน ใช้เงินลงทุนมาก และต้องมีเจ้าหน้าที่ในทุกสาขา แถมยังเกิดคิวรอคอย Mobile banking ได้ตัดเงื่อนไข และข้อจำกัดเหล่านั้น ทันทีที่ลูกค้าติดตั้งแอพ เท่ากับธนาคารได้เปิดสาขาใหม่ 1 สาขาทันทีและรับลูกค้าได้ ไม่จำกัด
- Recasting the chain closer customer ช่วยขยายช่องทางการสื่อสาร สร้างความสัมพันธ์ และสร้างความผูกพัน Social media ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดที่ช่วยยึดโยงเราเข้ากับลูกค้าที่หลากหลาย
- Blending the chain แตกเพื่อโต เพราะใหญ่หมายถึงอุ้ยอ้าย การแตกออกเป็น บริษัทย่อย แต่ยังยึดโยงด้วยเป้าหมาย ธุรกิจเดียวกันจึงเป็นที่นิยม
- Adapt the chain through product/service นอกจากแสวงหาความต้องการใหม่ๆ ทำไมไม่คิดแก้ปัญหา/อุปสรรคที่ลูกค้าเผชิญอยู่ในทุกวัน เรียนรู้จาก pain point แล้วหาทางขจัดมันออกไป
ยกตัวอย่างเช่น เครือข่ายธุรกิจโรงภาพยนตร์ ที่ปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจคือนอกจากการขยายความร่วมมือในซัพพลายเชนธุรกิจภาพยนตร์ มีการขยับฐานะความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่จาก suppliers เป็น partners เจรจาหาผลตอบแทนที่ดีกันทั้งสองฝ่าย การประเมินกระแสความนิยมและความแรง ของหนังก่อนเข้าฉาย ก็ไม่ต่างจากการ คาดการณ์ความต้องการสินค้าในธุรกิจประเภทอื่น ซึ่งวัดความแม่นยำได้เมื่อจำนวนผู้ชมที่ซื้อตั๋วจริงตรงกับที่วางแผนไว้หรือไม่ ซึ่งแน่นอนหนังบางเรื่องก็อาจจะต้องลาโรงไปเร็วกว่ากำหนด ถ้าไม่เป็นไปตามแผน เพื่อจัดสรรโรงและเวลาฉายให้กับเรื่องอื่นที่มาแรงกว่าแต่สล็อตของเวลาฉายไม่เพียงพอ
ในส่วนของความสัมพันธ์กับคนดูก็คือการกระตุ้นความต้องการชมภาพยนตร์ ต้องทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าของโรงภาพยนตร์และผู้สร้างหนัง มีการโปรโมทหรือสร้างกระแสก่อนหนังเข้าฉาย ความเชื่อมั่นเชื่อมือในผู้กำกับและค่ายหนัง การให้สัมภาษณ์ออกสื่อ การนำนักแสดงที่มีฐานแฟนคลับพร้อมเสียเงินรอชม ถือว่าเป็นฐานรายได้ที่ต้องนำมาคิดคำนวณ และปัจจุบันการสร้างรายได้จากค่าตั๋วหรือสินค้าหน้าโรงคงไม่ใช่คำตอบอีกต่อไปแล้ว การสร้างคุณค่าในระยะยาว (customer lifetime value) เป็นสิ่งจำเป็น
สื่อสังคมออนไลน์ เป็นเครื่องมือ ประชาสัมพันธ์ที่กวาดต้อนลูกค้าเป้าหมาย จึงไม่แปลกที่จะเห็นหน้าเพจของผู้กำกับที่เข้ามาพูดคุยแบบเป็นกันเองกับผู้ชม เป็นการสร้างความสัมพันธ์แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และจบลงที่ Mobile App ที่เป็นศูนย์รวมทุกอย่าง อาทิ การสามารถรับชมหนังตัวอย่างได้ก่อนใคร ตรวจสอบ รอบและโรงที่ฉาย การจองตั๋วหนัง ล่วงหน้าได้ รับชำระเงินได้ในทุกรูปแบบ การออกตั๋วออนไลน์ แต่ยังเปิดช่องให้ลูกค้านักสะสมสามารถไปออกตั๋ว กระดาษได้ที่หน้าโรง มีระบบการแจ้งเตือน ก่อนหนังเข้าฉายโดยที่ลูกค้าตั้งเวลาเตือนได้เอง คะแนนสะสมแต้มที่ไม่ใช่เพียงคำนวณจากยอดการซื้อตั๋วหนังเท่านั้น แต่มีกิจกรรมร่วมสนุกเพื่อเพิ่มยอดคะแนน โปรโมชั่นที่น่าสนใจร่วมกับ พันธมิตรอื่นหรือจากสปอนเซอร์ สินค้า
ความพยายามพัฒนาแนวคิดทางธุรกิจใหม่ ออกไปจากกรอบความคิดเดิม ช่วยสร้างความหลากหลายให้กับธุรกิจได้มาก แน่นอนถ้าไม่หนี ไม่ขยับ ก็อาจโดน disrupt ได้ โรงหนังแม้ว่าอาจจะถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการชมภาพยนตร์ก็ตาม แต่สามารถใช้ในการดำเนินกิจกรรม อื่นๆ ได้อีก การใช้ประโยชน์จากพื้นที่ ของโรงภาพยนตร์ในช่วงเวลาที่หนังดีๆ ไม่ค่อยมี ความหนาแน่นของคนดูที่ไม่มาก ขนาดที่จะต้องเปิดฉายทุกรอบทุกโรงก็เป็นโอกาสที่เจ้าของโรงจะนำไปจัดสรรให้กับธุรกิจอื่นๆ เช่นกัน อาทิ จัดกิจกรรมทางการตลาด จัดกิจกรรมความบันเทิงในรูปแบบอื่น การเปิดตัวสินค้า การจัดสัมมนา การจัดงานมอบรางวัล สิ่งเหล่านี้ ทำให้กระแสรายได้ไม่ได้ผูกติดอยู่กับหนังที่ผลิตมาเข้าโรงฉายเท่านั้น ส่วนผู้สร้างหนังก็มีทางออกหลังลาโรง เช่น Netflix DVD เป็นต้น
"จุดเริ่มต้นทำธุรกิจ ในปัจจุบันอาศัยแค่เหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง ไม่พอ ต้องรอบคอบ มองความเสี่ยงและความคุ้มค่า'
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 12 มีนาคม 2562