คลังห่วงขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มความเหลื่อมล้ำ
ให้คะแนนเนื้อหา
คะแนนเฉลี่ย 0.0 จำนวนผู้โหวด 0วันที่ ปรับปรุง 12 มี.ค. 2562
"อภิศักดิ์" ย้ำหนี้ ครัวเรือนพุ่งจากนโยบายอุดหนุนคนมีบ้าน รวมทั้งการดึงหนี้นอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบ ชี้ควรแยกแยะคุณภาพ เหตุทำให้คนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น พร้อมระบุการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายยิ่งสร้างความเหลื่อมล้ำเพิ่ม
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงสถานการณ์หนี้ครัวเรือนในประเทศว่า ระดับหนี้ครัวเรือนในช่วงนี้ถือว่าปรับขึ้น จริง แต่เป็นผลจากนโยบายของรัฐที่มา จากความต้องการให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยมากขึ้น และทำให้หนี้นอกระบบกลับเข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น ซึ่งการเพิ่มขึ้น ของหนี้ครัวเรือนอาจมองว่ามีความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจ แต่ควรแยกแยะว่าหนี้เหล่านี้เป็นหนี้ที่มีคุณภาพ ทำให้คนมีรายได้น้อยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ นายอภิศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า คนที่มีรายได้น้อย มีหนี้มาก แสดงว่า เขาสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้น การกู้ แบบนี้ สร้างความเสี่ยงให้กับระบบเศรษฐกิจเหมือนที่ธนาคารแห่งประเทศ ไทย(ธปท.) เป็นห่วง แต่ควรแยกแยะว่า นโยบายของรัฐบาลต้องการให้ประชาชนมีบ้านอยู่อาศัย ดังนั้นแบงก์รัฐก็ปล่อยกู้บ้านให้กับคนเหล่านี้ คนเหล่านี้ ก็ต้องกู้ เพราะเป็นผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเขาสมควรที่จะมีบ้าน เพราะราคาบ้านในขณะนี้ สามารถซื้อได้ หากผ่านไปสิบปี ราคาบ้านวิ่งไปสูง ถึงจุดนั้น ก็จะซื้อไม่ได้ ฉะนั้น รัฐบาลก็คิดว่า อยากจะให้เขามีบ้าน
"เวลาดูหนี้ครัวเรือน อยากให้แยกแยะ ถ้าเป็นหนี้ที่อยู่อาศัย หรือ สำหรับสิ่งจำเป็น เราถือว่า เป็นการกู้มีคุณภาพดี แต่ว่า ถ้าเป็นหนี้ครัวเรือน กู้มาใช้จ่าย ซื้อโทรศัพท์ มอเตอร์ไซค์ หรือ ใช้ไปหมดไป แบบนี้ไม่ค่อยดี รายได้ไม่เกิด ความเป็นอยู่ก็ไม่เกิด แต่หนี้ครัวเรือนที่ซื้อบ้าน ก็เหมือนเขามีรายได้นะ เพราะปัจจุบันเขาต้องเช่าอยู่แล้ว ก็เปลี่ยนจากเช่ามาเป็นผ่อน ก็แค่นั้นเอง และ ตัวเองก็ได้ทรัพย์สิน"
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า หนี้อีกส่วนที่เพิ่มขึ้น คือ หนี้ที่ถูกแปลงมาจากหนี้นอกระบบ ซึ่งหนี้นอกระบบเยอะมาก ถามว่าจะเก็บไว้ใต้พรหมหรือ ถ้าเก็บไว้ใต้พรหม เขาจะอยู่อย่างไร ในที่สุด เขาก็ถูกข่มขู่ ชีวิตครอบครัวหายไปทั้งชีวิต อันนี้ เขาก็อยู่ไม่ได้ ฉะนั้น เราก็เอาหนี้เหล่านี้ขึ้นมาอยู่ในระบบ จึงเห็นได้ว่า หนี้ในระบบเพิ่ม ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสาเหตุดังกล่าว
"เวลาวิเคราะห์หนี้บุคคล ต้องวิเคราะห์ให้ละเอียด ไม่ใช่เอาตัวเลขมาพูดแล้วเท่ห์ ลงข่าวได้ดีและบังเอิญ เขากำลังหาเสียงกัน ก็เข้าล็อกเลยว่า ยิ่งรัฐบาลทำไป ยิ่งหนี้ครัวเรือนมากขึ้น ทั้งๆที่ ไม่ใช่เลย"
คนที่บอกว่า หนี้ครัวเรือนเพิ่ม ได้บอก ไหมว่า จะช่วยลดหนี้อย่างไร คนคุมสินเชื่อ ในระบบ คือ ธปท. และ บอกว่า ตัวนี้ มันเกินมา คุณคุมมาทั้งชาติ ปล่อยให้เกินมา ได้อย่างไร เขาบอกหนี้สูง แต่กระทรวงการคลังเองมองว่า สูงแล้วเมื่อเทียบกับจีดีพี ไม่ได้มีปัญหา เพราะผลผลิตมันเกิด แล้วคนเข้าสู่แหล่งเงินได้มาก เป็นสิ่งที่ดี เมื่อวิเคราะห์แล้วเงินที่เขาจ่ายไป ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่วนเรื่องหนี้เสีย ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก อยู่ในระดับ 3-4%ก็เป็นปกติ
"เรื่องของหนี้เสีย อาการก็มีเป็นช่วงๆ แต่บอกนะว่า หนี้เสียขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมด้วย ถ้าสามารถทำให้ภาวะเศรษฐกิจโตได้ หนี้เสียก็ลดลงเอง เพราะธุรกิจไม่เสีย" ส่วนกรณีความเป็นห่วงเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ขยับขึ้น จะกระทบต่อ ภาระการผ่อนชำระเงินงวดนั้น นายอภิศักดิ์กล่าวว่า นี่คือประเด็นที่ ธปท. ห่วงหนี้บุคคล แล้วจะขึ้นดอกเบี้ยทำไม ซึ่งกรณีนี้ต้องบอกว่า เป็นอัตราดอกเบี้ยที่แบงก์บีบได้ เพราะว่า ตัวที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ สภาพคล่องสูง ถ้าไปขึ้นดอกเบี้ย ลูกค้าก็หนีหมด แต่ตัวรายย่อย เขาไม่มีทางไป "ถ้าสังเกตหลังขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย คนที่กระทบ คือ ลูกค้ารายย่อย เพราะแบงก์ขึ้นดอกเบี้ยส่วนนี้ ดังนั้นยิ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำระหว่างรายใหญ่กับ รายย่อยมากขึ้น ถามว่า คนที่ทำอย่างนี้ เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้นหรือเปล่า"
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 12 มีนาคม 2562