เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

คลังลุยแจกเงิน ยาวถึงสิ้นปี

ข่าววันที่ : 12 ธ.ค. 2561


Share

tmp_20181212093006_1.jpg

วันที่ ปรับปรุง 12 ธ.ค. 2561

          บัตรคนจนซื้อของได้ที่ร้านธงฟ้า บิ๊กซี โลตัสได้แวต คืน 5%และอีก1%เข้าบัญชีกอช.ไม่จำเป็นต้องรีบไปต่อคิวกดเงินตู้เอทีเอ็มแบงก์กรุงไทย
          อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผย ว่า ผู้มีรายได้น้อยสามารถนำบัตรไปซื้อของในร้านค้าธงฟ้า และร้านค้าบิ๊กซี โลตัส ก็จะได้รับเงินภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแวต คืน 5% กลับเข้ามายังบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และอีก 1% จะเข้าบัญชีการออมของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ไม่จำเป็นต้องรีบไปต่อคิวกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทยจำนวนมาก หลังจากให้เงินใส่กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์คนละ 500 บาทเพื่อใช้เป็นค่าครองชีพ ไม่จำเป็นต้องกดเงินนำไปซื้อสินค้า อย่างเดียว
          สำหรับมีผู้รายได้ที่อาจจะขาดคุณสมบัติไม่ควรได้รับสวัสดิการจากรัฐ ได้ให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ตรวจสอบ หากขาดคุณสมบัติก็จะถูกตัดสิทธิและนำเงินกลับคืนทันที เพราะการทำมาตรการสนับสนุนค่า ใช้จ่ายในช่วงปลายปีให้แก่ผู้มีรายได้น้อย 500 บาท/คน มีเป้าหมายเพื่อต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยจริงๆ
          สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กรณีมีผู้ขับรถยนต์ใส่ทองคำและโพสต์รูปอวดว่าได้รับสิทธิบัตรประชารัฐพร้อมเงินของขวัญปีใหม่ 500 บาท ซึ่งต้องมีการตรวจสอบว่าผิดคุณสมบัติหรือไม่ ถ้าผิดก็สามารถระงับเงินที่ให้ พร้อมทั้งขอเรียกเงินที่ให้ไปแล้วคืนกลับมาได้
          อย่างไรก็ดี หลังจากนี้กรมบัญชีกลางจะมีการโอนเงินให้ผู้มีรายได้น้อยอีก 3 รอบ เริ่มตั้งแต่ วันที่ 12 ธ.ค.นี้ จะโอนเงินมาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้านสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย เพื่อบรรเทาภาระค่าเช่าที่อยู่อาศัยให้แก่ ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยเป็นจำนวน 400 บาท/คน/เดือน โดยผู้ได้รับสิทธิจะต้องมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เป็นเวลา 10 เดือน ระหว่าง ธ.ค. 2561-ก.ย. 2562 และเช่าที่อยู่อาศัย จำนวน 2.2 แสนคน รวมวงเงิน 920 ล้านบาท
          รอบที่สองในวันที่ 14 ธ.ค.จะโอนคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% จากยอดใช้จ่ายช่วงเดือน พ.ย.ที่ ผ่านมา และรอบที่สาม ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ จะมีมาตรการช่วยเหลือค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นเกี่ยวกับสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ที่มีอายุเกิน 65 ปีขึ้นไป อีก 1,000 บาท จำนวน 3.5 ล้านคน รวมวงเงิน 3,500 ล้านบาท
          ทั้งนี้ เงินดังกล่าวจะโอนเข้าในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่องกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ สามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการผ่านเครื่องอีดีซี แอพพลิเคชั่นถุงเงินประชารัฐ และถอนเงินสดจากเครื่องถอนเงินอัตโนมัติได้
          สำหรับยอดการโอนเงินมาตรการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในช่วงปลายปีให้แก่ผู้มีรายได้น้อย 500 บาท เมื่อวันที่ 8-10 ธ.ค. 2561 สามารถโอนให้ได้แล้ว 11.3 ล้านคน วงเงิน 5,660 ล้านบาท โดยขณะนี้มีผู้ถือบัตรได้กดเป็นเงินสดออกมาใช้แล้ว 4.6 ล้านคน คิดเป็น 2,300 ล้านบาท และใช้ซื้อสินค้า 8.5 แสนคน คิดเป็นเงิน 425 ล้านบาท รวมมีการใช้จ่ายแล้ว 5.4 ล้านคน คิดเป็นเงินที่ใช้จ่าย 2,725 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 5.9 ล้านคน หรือประมาณ 3,000 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้มีการใช้ออกมา
          ก่อนหน้านี้ อภิศักดิ์ ออกมาระบุว่า ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ กระทรวงการคลังจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. เข้ามาประเมินผลการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ทำมาก่อนหน้านี้ว่าสามารถยกระดับรายได้คนที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท และ 1 แสนบาท/ปีได้อย่างไร เพื่อปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มีรายได้น้อย พร้อมสั่งให้ตรวจสอบคุณสมบัติของคนที่ คาดว่าน่าจะมีรายได้เกิน และระงับสิทธิบุคคลดังกล่าว
          นอกจากนี้ คาดว่าจะมีการเสนอเรื่องการเปลี่ยนวิธีคัดเลือกผู้ที่เข้าโครงการ อาจใช้วิธีนับจากรายได้ของครอบครัวหรือการลงทะเบียนเป็นครอบครัวเป็น GPS Map แทน การวัดที่รายได้เฉพาะบุคคล ซึ่งจะทำให้การลงทะเบียนรอบใหม่ในปี 2562 มีประสิทธิภาพมากกว่า


ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก  :  เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์  วันที่ 12 ธันวาคม 2561