ระดมสมองหอการค้า 5 ภาค
ให้คะแนนเนื้อหา
คะแนนเฉลี่ย 0.0 จำนวนผู้โหวด 0วันที่ ปรับปรุง 30 พ.ย. 2561
ดันศก.ใหม่เชื่อมดิจิทัล
นายปรัชญา สมะลาภา ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก หอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 36 ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-2 ธ.ค. นี้ ทางหอการค้าภูมิภาคทั้ง 5 ภาคจะมีการหารือแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจในด้านการค้าการลงทุน, การเกษตร, บริการ และท่องเที่ยว พร้อมทั้งมีการนำเศรษฐกิจดิจิทัลเข้ามาเชื่อมโยงผู้ประกอบการ ภาครัฐ เกษตรกร และประชาชนทั่วไป ก่อนที่จะเสนอเป็นหนังสือปกขาวให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คาดว่าแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจรูปแบบใหม่นั้นจะช่วยสร้างรายได้และผลักดันให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปี 62 ปรับเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 1%
"ตอนนี้ทุกภาคส่วนต้องขับเคลื่อนการนำเรื่องของดิจิทัลเข้ามาเชื่อมโยง โดยเฉพาะภาคเกษตรที่หอการค้าได้ส่งเสริมในบางพื้นที่แล้ว เช่น ทุเรียนติดคิวอาร์โค้ด จะมีการพัฒนาการจองทุเรียนผ่านอินเทอร์เน็ตกับชาวสวนโดยตรงตั้งแต่ผลยังเล็ก ๆ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวก็มีการพัฒนาด้านนี้ไปไกลมาก ไม่ว่าจะเป็นการจองที่พักผ่านแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เป็นต้น"
ว่าที่ ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ พื้นที่ภาคกลาง หอการค้าไทย กล่าวว่า การพัฒนาสินค้าเกษตรนั้นทางหอการค้าจะเสนอให้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชที่ปลอดสารพิษมากขึ้น เพราะจะได้ราคาที่ดีและมีตลาดต้องการจำนวนมาก โดยเฉพาะในตลาดส่งออกยุโรป สหรัฐ ซึ่งที่ผ่านมามีการดำเนินการลักษณะดังกล่าวในกลุ่มเล็ก ๆ ดังนั้นในอนาคตคงต้องขยายในกลุ่มกว้างมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังเสนอให้มีการผลักดันเครื่องอบข้าวเปลือกด้วยแสงอาทิตย์ เพื่อแก้ปัญหาชาวนานำข้าวเปลือกความชื้นสูงไปจำหน่ายแก่โรงสี
"ชาวนาส่วนใหญ่ไม่มียุ้งฉางแล้ว จึงไม่สามารถเก็บข้าวไปจำหน่ายในช่วงราคาสูงหรือเก็บเพื่อให้ความชื้นอยู่ในระดับมาตรฐาน บางครั้งก็นำข้าวเปลือกไปตากบนถนนจนเกิดอุบัติเหตุ หากมีเครื่องอบข้าวเปลือกด้วยแสงอาทิตย์ก็จะช่วยเหลือชาวนาได้เยอะ เสนอแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน การท่องเที่ยวชุมชน และอื่น ๆ เชื่อว่าในส่วนตรงนี้จะช่วยให้จีดีพีเพิ่มขึ้นอีก 0.3-0.5% ในปีหน้า ที่หลายฝ่ายประเมินว่าเศรษฐกิจในปีหน้าอาจไม่ถึง 4% ด้วยซ้ำหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ"
นายวิโรจน์ จิรัฐิติกาลโชติ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ พื้นที่ภาคเหนือ กล่าวว่า ในส่วนของสินค้าเกษตรภาคเหนือในปีนี้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก ทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง กาแฟ ลำไย เป็นต้น แต่ทางหอการค้าภาคเหนือต้องการผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมเกษตรที่หลากหลายมากขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มแล้วยังแก้ปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาดได้
"ตอนนี้หอการค้าภาคเหนือพยายามผลักดันให้เกษตรกรมีการปลูกพืชที่หลากหลาย เช่น เปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวโพดหันมาปลูกกาแฟ ซึ่งมีรายได้ที่ดีกว่า พร้อมกันนี้ได้มีการประสานงานกับกาแฟอเมซอนในการรับซื้อกาแฟจากเกษตรกรที่ได้รับการส่งเสริม เช่น ที่จังหวัดน่าน ขณะที่เชียงใหม่ก็มีการหันมาปลูกกันจำนวนมากเช่นกันนอกเหนือจากเชียงราย เพราะปัจจุบันร้านกาแฟมีเพิ่มขึ้นอย่างมากเพื่อรองรับการท่องเที่ยวและความต้องการบริโภคของประชาชนทั่วไป"
นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ พื้นที่ภาคใต้ กล่าวว่า ทางหอการค้าต้องการให้รัฐบาลเร่งอนุมัติงบประมาณโครงการลงทุนตามที่ ครม. สัญจรอนุมัติไว้ ที่ผ่านมา ครม.ได้รับหลักการทุกโครงการซึ่งในส่วนของภาคใต้มีมูลค่า 400,000 ล้านบาท แต่กลับเงียบไป เมื่อภาครัฐมีการร่วมประชุมกับภาคเอกชนใหม่และมีการสอบถามว่าเอกชนต้องการโครงการอะไรเพิ่มเติมทางเอกชนก็เสนอให้เร่งรัดโครงการต่าง ๆ ที่เคยเสนอไปแล้ว ภาครัฐอ้างว่าเป็นโครงการเดิมไม่ใช่โครงการใหม่ ในที่สุดมีแต่รับข้อเสนอแต่ไม่มีงบประมาณเข้ามาพัฒนา
นายประพันธ์ เตชะสกลกิจกูร ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้นต้องเร่งขับเคลื่อนการท่องเที่ยวชุมชนและท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ให้สอดคล้องกับความโดดเด่นของพื้นที่
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 หน้า 7