บริหารได้ดี แม้ไม่มีอำนาจ (จบ)
ให้คะแนนเนื้อหา
คะแนนเฉลี่ย 0.0 จำนวนผู้โหวด 0
วันที่ ปรับปรุง 26 พ.ย. 2561
รศ.ดร.ศิริยุพา รุ่งเริงสุข
siryupa.roongrerngsuke@sasin.edu
ทักษะที่ได้นำเสนอไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็คือ ทักษะ ในการฟังอย่างเข้าอกเข้าใจ (Empathetic listening) ซึ่งเป็นรวมทักษะและทัศนะคติในการเข้าใจคนที่ผู้นำ ต้องใช้การสังเกตสังกาสีหน้าท่าทาง ภาษากายของผู้ที่ เราสนทนาด้วย และที่สำคัญคือต้องมีทักษะในการฟังอย่างมีสมาธิ ต้องมี จิตใจที่เปิดกว้าง ลดอคติของตนเองและพยายามฟังเพื่อที่จะสามารถ เข้าใจความต้องการหรือปัญหาของผู้ที่เราสนทนาด้วยจากมุมมองของเขา ให้มากที่สุด เรามาคุยกันถึงทักษะอื่นๆ ที่จะทำให้ท่านสามารถ เป็นผู้นำที่บริหารได้ดีแม้ไม่มีอำนาจตามตำแหน่งกันต่อเลยนะคะ
มีระบบการสื่อสารแบบเปิดกับทีมงาน ยิ่งมีอำนาจตามตำแหน่งน้อย แล้วอยากได้ผลงานโดยที่ไม่ใช่การออกคำสั่ง มันแสดงว่าผู้นำต้องมี ความสามารถในการสื่อสารเพื่อจูงใจสูง ต้องทำให้ทีมงานรู้สึกว่าผู้นำไม่ใช่ ถนัดเป็นคนพูดอย่างเดียว แต่ยังสนใจและพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็น ความต้องการและข้อแนะนำของเขาในการทำงานร่วมกันอยู่เสมอๆ พนักงานรุ่นใหม่เขาไม่ชอบรับแต่คำสั่งอย่างเดียวหรอกค่ะ แต่เขาต้องการ ผู้นำที่เขาคุยได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องมีพิธีรีตองมาก
กำหนดเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจนและผลดีที่ทุกคนจะได้รับผู้นำต้องมีความสามารถในการสื่อสารถึงเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ ให้ทีมงานเข้าใจอย่างถ่องแท้ ต้องรู้จักเรียงลำดับเรื่องที่จะพูด ต้องอธิบายให้ชัดเจนว่างานที่ต้องการมีมาตรฐานที่ต้องการเป็นอย่างไร อีกทั้งผู้นำต้องมีความสามารถที่จะจูงใจทีมงานให้ร่วมตระหนักถึง ความสำคัญ คุณค่าและความหมายของงานที่ท่านอยากให้เขาทำด้วย
กำหนดหน้าที่รับผิดชอบงานให้ชัดเจน ในหลายโอกาสผู้นำต้อง เข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของสมาชิกทีม แต่ละคนตลอดจนลำดับขั้นตอนในการทำงานด้วย แต่ในกรณีที่ทีมงาน เป็นทีมรวมดาวที่เป็นคนมีความรู้สูง เก่งและเชี่ยวชาญในงานอยู่แล้ว ผู้นำเพียงระบุถึงเป้าหมายและมาตรฐานที่ต้องการและความช่วยเหลือ ที่ผู้นำจะสนับสนุนให้เป็นระยะๆ
ทั้งนี้อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือติดตามความคืบหน้าของงานเป็นระยะๆ เผื่อว่าทีมงานอาจมีคำถามที่ต้องการคำชี้แจงหรือคำแนะนำจากผู้นำ หรือ เกิดมีเหตุเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ต้องปรับแผนงานการทำงานก็เป็นได้
อย่าอารมณ์เสียปรี๊ดใส่ทีมงาน พึงระลึกไว้อยู่เสมอว่าท่านเป็นผู้นำ โดยไม่มีอำนาจตามตำแหน่ง ดังนั้นจึงไม่มีสิทธ์ที่จะไปลงโทษคนที่ ไม่ทำงานได้ ในทางตรงกันข้ามต้องใช้จิตวิทยาในการจัดการกับปัญหา เช่น สอบถามว่าต้องการเครื่องมือเครื่องใช้หรือทรัพยากรต่างๆ เพิ่มขึ้นไหม เพื่อที่จะขจัดอุปสรรคในการทำงานให้พ้นไป
รู้จับสับขาในการทำงาน การสร้างสัมพันธภาพและการหย่อนใจผู้นำทีมต้องเป็นผู้ที่รู้จักสังเกตดูอาการของทีมงานว่า หากเครียด จนเกินไป ก็ต้องรู้จักสร้างอารมณ์ขันในระหว่างการทำงาน จัดเวลาพัก หรือจัดปาร์ตี้หย่อนใจให้ทีมงานบ้าง และเมื่อทีมงานสนุกสนานและเล่น มากเกินไปจนเสียงาน ผู้นำก็ต้องรู้จักดึงกลับให้มาทำงานโดยการเตือน ให้ระลึกถึงผลดีที่ทีมงานจะได้รับ จะได้เร่งมือทำงาน ผู้นำต้องรู้จักสังเกต ทีมของตนอย่างสม่ำเสมอและปรับกลยุทธ์การทำงานให้เหมาะสมกับ สภาวะอารมณ์ของทีมงาน
รู้จักชื่นชมและขอบคุณผู้ร่วมงานอย่างจริงใจ สิ่งที่ผู้นำจะทำให้ ทีมงานรู้สึกดีๆ จนถึงดีที่สุดได้ก็คือการเอ่ยวาจาเพื่อชื่นชมในผลงาน ของพวกเขาว่ามันดีมีประโยชน์อย่างไร และขอบคุณเขาอย่างจริงใจ เรื่องของน้ำใจและน้ำคำจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม เพราะมัน สามารถมีน้ำหนักมากกว่าน้ำเงินเพียงอย่างเดียว
หาหนทางสนับสนุนความก้าวหน้าของทีมงาน สิ่งที่ผู้นำสามารถ มอบให้นอกจากความรู้สึกดีๆ และคำขอบคุณแล้ว สมาชิกทีมที่มา ร่วมงานอาจจะมาร่วมงานเพราะสนใจอยากพัฒนาความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ในการทำงาน หรืออยากเรียนรู้เคล็ดลับในการทำงาน จากผู้นำ ดังนั้นผู้นำสามารถทำตัวเป็นโค้ชให้คำแนะนำที่ดี หรือมี เครือข่ายความสัมพันธ์ที่ดี ผู้นำอาจสามารถแนะนำสมาชิกทีมให้ไปทำงาน กับองค์กรในเครือข่ายที่รู้จักได้ เป็นต้น
มาถึงตรงนี้ท่านคงมองเห็นว่าหลายคนไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โต และถึงแม้จะมีตำแหน่งใหญ่โต แต่พวกเขาไม่ได้ประสบความสำเร็จ ในการบริหารงานเพราะมีตำแหน่งใหญ่โตเพียงอย่างเดียว ก่อนหน้านั้น หลายคนมีตำแหน่งเล็กๆ และต้องทำหลายสิ่งหลายอย่างที่บทความนี้ ได้นำเสนอมาจนทำให้เขาประสบความสำเร็จได้รับการเลื่อนขั้นตำแหน่ง สูงขึ้นเรื่อยๆ และถ้าพวกเขาทำได้ ท่านก็ย่อมทำได้เช่นกันค่ะ
ผู้นำต้องมีความสามารถในการสื่อสารเพื่อจูงใจ สนใจ และพร้อมที่จะรับฟ่งความคิดเห็น และพูดคุยได้อย่างตรงไปตรงมา
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2561
