บริหารได้ดี แม้ไม่มีอำนาจ (1)
ให้คะแนนเนื้อหา
คะแนนเฉลี่ย 0.0 จำนวนผู้โหวด 0
วันที่ ปรับปรุง 26 พ.ย. 2561
รศ.ดร.ศิริยุพา รุ่งเริงสุข
siryupa.roongrerngsuke@sasin.edu
หนึ่งในปัญหาที่ นักบริหารต้องประสบอยู่ ตลอดก็คือการรู้สึกว่าตนเองไม่มีอำนาจมากพอ ที่จะสั่งการให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ แต่เชื่อเถิดว่าแม้แต่คนที่ใครๆ เชื่อว่ามีอำนาจ มากที่สุดก็ยังรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถสั่งการให้ทุกคนและทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ สรุปก็คือ คนเราย่อมไม่มีความพอในการมีอำนาจ และอำนาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ
หากเราได้ศึกษาประวัติและสไตล์การนำของผู้นำที่ประสบความสำเร็จในทุกวงการ บุคคลเหล่านี้ไม่ได้พึ่งพาอำนาจ จากตำแหน่งหน้าที่เพียงอย่างเดียวในการแผ้วถางเส้นทางสู่ความสำเร็จ จากการศึกษาสำรวจความคิดเห็นของผู้นำเป็นเวลากว่า 40 ปีของ บริษัท DDI (Development Dimensions International)พบว่าบรรดาผู้นำกว่า 15,000 รายจากองค์กรกว่า 300 แห่ง ใน 18 ประเทศทั่วโลกเชื่อว่าทักษะที่มี ผลกระทบสูงสุดต่อผลงานของผู้นำคือ ทักษะในการสนทนา ก็คือการรับฟังและการตอบรับอย่างเข้าอกเข้าใจคู่สนทนา (Ability to listen and respond empathetically)
ในหนังสือ "Influence without Authority" ของ Allan R. Cohen และ David L. Bradford บทความในนิตยสารฟอร์บส์ เรื่อง "5 Ways To Influence without Authority" โดย Angela Fresne หรือบทความในวารสารฮาร์วาร์ด บิสสิเนส รีวิว เรื่อง "How To Influence Others without Authority"โดย Anne Loehr ซึ่งในเนื้อหาสาระก็ชี้ให้เห็นความสำคัญ ของทักษะในการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ หรือพวก Soft Skills ที่ผู้นำมักมองข้าม ดิฉันจึงเลือกทักษะที่สำคัญในการบริหารและการนำให้ประสบผลสำเร็จมานำเสนอดังนี้ค่ะ
การฟังอย่างเข้าอกเข้าใจ (Empathetic listening) ซึ่งเป็นการผนวกทักษะ 2 ประการเข้าด้วยกันคือ การมี empathy (ความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น) และการฟังอย่างตั้งใจ (active listening) สังคมทั่วโลก มีผู้นำที่เป็นนักพูดอยู่มากมาย แต่เรา ขาดผู้นำที่สนใจรับฟังความคิดเห็นและ ความต้องการของผู้ร่วมงานรอบข้างอย่างจริงจัง
จากประสบการณ์ของดิฉันในการจัดเวิร์คช้อปพัฒนาทักษะในการสื่อสารของผู้นำพบว่ากว่า 50% ของผู้เข้าร่วมเวิร์คช้อป มีปัญหาในการฟัง ได้แก่ ขาดสมาธิในการฟังบ้าง ฟังแล้วเข้าใจเรื่องราวผิดบ้าง เมื่อไม่สามารถฟังเรื่องราวได้อย่างเข้าใจถ่องแท้ ปัญหาที่ตามมาเป็นลูกโซ่คือการตอบกลับ คู่สนทนาหรือการถ่ายทอดข้อมูลไปให้ ผู้อื่นในที่ทำงานอย่างผิดพลาด ผลลัพธ์อย่างเบาะๆ ก็คือลูกน้องหมดความอยากที่จะสื่อสารกับผู้นำเพราะจับได้ว่าผู้นำไม่ได้ให้ความสนใจหรือความสำคัญกับคำพูดของเขาอย่างจริงจัง ถามอย่างตอบอย่าง หนักขึ้น ก็คือผู้นำอาจจะไม่ได้รับข้อมูลสำคัญที่มีผลกระทบต่อความสำเร็จของงานและองค์กรจากพนักงาน
ผู้นำรุ่นใหม่อาจมีปัญหาเรื่องการเข้าใจคน
มีข้อคิดเตือนใจผู้นำรุ่นใหม่ที่ชอบเล่น มือถือไปพูดไปนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะการที่ท่านนั่งเล่นมือถือในขณะสั่งงาน ลูกน้องหรือในระหว่างที่ลูกน้องมาปรึกษางาน การที่ท่านพูดโดยไม่มองหน้าลูกน้องอาจทำให้ลูกน้องคิดว่าท่านไม่ให้ความสำคัญและไม่ให้เกียรติเขา อีกทั้งการที่เล่นมือถือ ก็ทำให้ท่านขาดสมาธิในการฟังด้วย มีผลงาน วิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมิชิแกน ที่ศึกษาเรื่องระดับ empathy ของนักศึกษาของมหาวิทยาลัยในช่วงระยะเวลา 30 ปี ที่ผ่านมาลดลง และลดลงอย่างรวดเร็ว ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านการสื่อสารเติบโตอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่า ยิ่งเทคโนโลยีสื่อสารก้าวหน้าขึ้นมากเท่าใด ความเข้าอกเข้าใจของคนเราก็ยิ่งลดลง สังเกตดูสังคมของเราในปัจจุบันเวลาที่มีงานเลี้ยงรุ่นหรืองานแต่งงาน แขกก็ไม่ได้สนทนากันเท่าไร บางทีเพื่อนที่นั่งตัวเป็นๆ อยู่ข้างๆ ยังไม่พูดกันเลย แต่เขียนไลน์หากัน เป็นไปได้ขนาดนี้ค่ะ
อย่างไรก็ตามสังคมราชการและธุรกิจระดับโลกที่มีการเจรจาทำสัญญาต่างๆ ยังต้องการทักษะในการเขียนที่ถูกต้องรัดกุม เช่น การเจรจาทางการทูต การค้าขายระหว่าง องค์กรใหญ่ๆ ระดับชาติและนานาชาติ ยังต้องการผู้นำที่มีทักษะในการฟัง พูด อ่าน และเขียนที่มีประสิทธิภาพ ผู้นำรุ่นใหม่ จึงจำเป็นต้องพัฒนาทักษะเหล่านี้ให้แข็งแกร่ง ด้วยเพราะทุกคนย่อมชอบผู้นำหรือคู่สนทนา ที่ให้เกียรติเขาและตั้งใจฟังเขาอย่างดี มีความ เข้าอกเข้าใจเขาอย่างแท้จริง และสื่อสารกับเขาด้วยวาจาที่สุภาพอ่อนโยน ทักษะเหล่านี้จะช่วยสร้างเสน่ห์บารมีหรืออำนาจบารมี (Charismatic power) ที่จะอยู่ติดตัวท่านไปตลอดชีวิตโดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งงานสูงๆ
คราวหน้ามาคุยกันถึงทักษะอื่นๆ ที่จะช่วย เสริมสร้างอำนาจให้ท่านกันต่อนะคะ
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2561
