เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

เศรษฐกิจจีน ชะลอเราต้องตั้งโจทย์ใหม่

ข่าววันที่ : 10 ต.ค. 2561


Share

tmp_20181010090559_1.jpg

วันที่ ปรับปรุง 10 ต.ค. 2561

          เราเห็นว่าเศรษฐกิจจีน ซึ่งอยู่ในภาวะชะลอตัว และอาจขั้นทรุดได้ ในอนาคตนั้น กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจท่องเที่ยว จำเป็นต้องกลับมาทบทวนแนวทางของตัวเองใหม่ การเร่งขึ้นโครงการ เพื่อหวังตลาดคนจีน เช่นเดิมนั้นอาจจะไม่ใช่คำตอบ สะท้อนได้จากตัวเลข จริงอยู่สถานการณ์หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอล ในกลุ่มสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยซึ่งทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเกิดจากการแข่งขันกันปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ แต่อีกตัวแปรมาจากกำลังซื้อในกลุ่มลูกค้าคนจีน ซึ่งเป็นเป้าหมายก่อนหน้านี้ได้ลดลงมาก โดยเฉพาะคอนโด ที่ผุดกันมากมายก่อนหน้านี้ ขณะที่ล่าสุดฝ่ายวิจัยบริษัทคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ออกมาเปิดเผยอุปทานคอนโดที่อยู่ระหว่างการขายในเขตกรุงเทพฯ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ช่วงระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปพบว่า มีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 12,247 ยูนิต หรือคิดเป็น 7.1% จากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดสามารถขายได้ 9,919 ยูนิต หรือ คิดเป็น 81% เหลือขายประมาณ 2,328 ยูนิตในเชิงมูลค่าคอนโดราคา 10 ล้านบาท ขึ้นไป คิดเป็น 53.9% ของมูลค่าคอนโดที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด
          ส่วนอัตรานักท่องเที่ยวจีน ซึ่งครองสัดส่วนถึง 30% ของนักท่องเที่ยว ต่างชาติมาไทยทั้งหมด ทั้งยังมีอัตราเติบโตเฉลี่ยกว่าปีละ 20% แต่ใน เดือนกรกฎาคม ตัวเลขออกมาตรงกันข้าม ติดลบ 0.87% ต่อเนื่องมาถึงเดือนสิงหาคม ลดลงอีก 11% และคาดว่าในเดือนกันยายน น่าจะปรับลงต่อเนื่อง จริงอยู่ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นผลพวงจากอุบัติเหตุเรือล่มที่ภูเก็ตที่มีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต จำนวนมาก แต่อีกเหตุผลสำคัญมาจากเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัว และอาจจะรวมไปถึงเข้มงวดเดินทางออกนอกประเทศของรัฐบาลจีน ซึ่งเมื่อเราเห็นทิศทางเศรษฐกิจ แนวทางนโยบายของรัฐบาลจีนเช่นนี้แล้ว ในการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องท่องเที่ยวตลาดจีน ในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ ก็ต้องมาทบทวนแนวทางกันใหม่ ว่าแนวทางลดแลกแจกแถม ยังจำเป็นต่อไปไหม หรือเราต้องหันมาเน้นตลาดบน คนจีนที่มีกำลังซื้อสูงขึ้นกว่าเดิม บทสรุปเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับฐานข้อมูล ที่แต่ละฝ่ายที่ประชุม ต้องกางออกมาให้เห็น เพื่อการตัดสินใจที่ถูกต้อง
          ทั้งนี้ หากพิจารณายอดวีซ่าลงตรา หรือ Visa On Arrival ในรอบ 8 เดือนแรกของปี 2561 มียอดขอดำเนินการ ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง จำนวนทั้งสิ้น 3,858,363 คน เพิ่มขึ้น 15.67 % จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีคนยื่นขอ 3,335,616 คน ขณะที่ตลอดทั้งปี 2560 มีคนขอ Visa On Arrival ทั้งปีจำนวน 4,974,662 คน ส่วนปี 2559 มีคนขอ Visa On Arrival จำนวน 6,748,464 คน และปี 2558 มีคนขอจำนวน 6,227,890 คน ดังนั้นหากพิจารณาตัวเลขจุดนี้ ยังไม่ถึงกับแย่มาก จนเราต้องลดแลกแจกแถม นัก แต่กรณีแบบยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศไทย 1 ครั้ง แต่สามารถเดินทางได้ 2 ครั้ง หรือ ดับเบิล เอนทรี่ วีซ่า นั้น เป้าหมายอาจจะช่วยเพิ่มความสะดวก มากกว่าเรื่องแรงจูงใจด้านราคา ซึ่งหากได้ข้อสรุปว่าเราจะเดินตลาดบนนักท่องเที่ยวจีน แนวทางการให้บริการ โรงแรม อาหาร และความปลอดภัย ต้องทบทวนกันใหม่หมด เพราะอย่างที่บอกไว้ จำนวนนักท่องเที่ยวอาจจะลดลง ตามภาวะเศรษฐกิจ แต่หากการใช้จ่ายต่อหัว ไม่ได้ลดลงตามปริมาณ ก็จะช่วยพยุงให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังคง เดินหน้าต่อไป แม้เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวไปก็ตาม
          รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุดของกองทุนการเงินระหว่าง ประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ สะท้อนออกมาอย่างดีว่า เศรษฐกิจจีนในปีนี้จะขยายตัวเพียง 6.2% ปรับประมาณการลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะโต 6.4% เหตุผลสำคัญมากจากมาตรการภาษีที่ทั้งจีนและสหรัฐ อัดใส่กันมาตลอด และต้องบอกว่า อัตรา 6.2% นั้นถือว่าเศรษฐกิจจีนขยายตัวช้าสุดนับตั้งแต่ปี 2533 และขณะนั้นเศรษฐกิจชะลอลง หลังรัฐบาลปราบปรามผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อปี 2532 และที่น่าห่วง ไอเอ็มเอฟ ยังเตือนหากสงครามการค้ายืดเยื้อต่อไปอีก เศรษฐกิจจีนไม่ใช่แค่ชะลอตัว แต่อาจจะเผชิญถดถอย ก็เป็นได้ ถึงตอนนั้นแนวทางเศรษฐกิจไทย ก็ต้องกลับมาทบทวน กันอีกครั้ง แนวทางการเพิ่มสัดส่วนกำลังซื้อ ในประเทศมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาส่งออก จำเป็นต้องจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม และหากมังกรป่วย ประเทศที่เข้มแข็งจากภายในเท่านั้นถึงจะรอด


ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก  :  หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ  วันที่ 10 ตุลาคม 2561