มูลเหตุกุ้งไทยราคาตก
ให้คะแนนเนื้อหา
คะแนนเฉลี่ย 0.0 จำนวนผู้โหวด 0 จากกรณีของราคากุ้งในประเทศไทยที่ตกต่ำโดยกุ้งขนาด 100 ตัวต่อกิโลกรัม มีราคาซื้อขายอยู่เพียง 100 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น ยังผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนับตั้งแต่กรมประมง กรมการค้าภายใน สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย และผู้ประกอบ การแปรรูป ได้ร่วมกันหาทางออกให้กับอุตสาหกรรมกุ้ง เพราะหากปล่อยให้ตกต่ำอย่างนี้ จะกระทบต่อแผนฟื้นฟูการผลิตกุ้งทั้งระบบ เนื่องจากเกษตรกรจะชะลอการปล่อยกุ้งออกไป ขณะที่ประเทศไทยยังคงไม่สามารถป้อนผลผลิตสินค้ากุ้งได้ตามความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำประเทศคู่ค้าเปลี่ยนไปเจรจาซื้อขายสินค้ากุ้งจากประเทศอื่น ๆ ซึ่งนั่นหมายถึงประเทศไทยจะเสียความเชื่อมั่น จากลูกค้า และสูญเสียรายได้เข้าประเทศไปมหาศาล สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาราคากุ้งตกต่ำนั้น การปรึกษาร่วมกันครั้งนี้ ได้แนวทางออกใน 2 ประเด็น คือ 1. ทางสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทยยินดีให้ราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งราคาที่น่าจะทำตลาดได้ ควรอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 110 บาท ราคาหน้าโรงงานของกุ้งขนาด 100 ตัวต่อกิโลกรัม เพื่อไม่ให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งขาดทุนและสามารถร่วมกันฟื้นฟูผลผลิตกุ้งของประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง 2. มีการเสนอการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐ เกษตรกร และเอกชน เพื่อให้เกิดกลไกของการร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกุ้งตลอดสายการผลิต ให้ไปในทิศทางเดียวกันอย่างยั่งยืนในอนาคต ส่วนกรณีการนำเข้ากุ้งจาก เกาะ Seram ประเทศอินโดนีเซียนั้น กรมประมงแจ้งว่า ประเทศไทยไม่ได้มีกฎหมายห้ามนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศมาผลิตเพื่อแปรรูปและส่งออกแต่อย่างใด เว้นแต่หากผู้ประกอบการประสงค์จะนำเข้ากุ้งจากพื้นที่อนุญาตของประเทศอินโดนีเซีย ต้องได้รับอนุญาตจากกรมประมงและผ่านการตรวจโรคไวรัสกุ้งจำนวน 5 โรค รวมทั้งแบคทีเรียก่อให้เกิดโรคกุ้งตายด่วนอย่างเคร่งครัด และขณะนี้ ยังไม่ได้มีการนำเข้ากุ้งจากประเทศอินโดนีเซียมาในประเทศไทย โดยหากจะมีการนำเข้าตามที่มีผู้ประกอบการร้องขอมาก็เป็นการนำเข้ากุ้งขาวมาเพื่อแปรรูปป้อนสู่ตลาดที่ได้มีการแจ้งไว้ และเป็นกุ้งไซซ์ใหญ่ คือขนาด 20-30 ตัวต่อกิโลกรัม ซึ่งไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ราคากุ้งภายในประเทศตกต่ำลง และไม่เป็นการไปแย่งชิงตลาดกันแต่อย่างใด โดยทางผู้ประกอบการจะยังคงให้ความสำคัญของการซื้อวัตถุดิบกุ้งในประเทศไทยเป็นลำดับต้นก่อน อย่างไรก็ตาม อีกประเด็นที่ส่วนที่เกี่ยว ข้องจะต้องร่วมคิดและร่วมดำเนินการ โดยเฉพาะเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งและผู้ประกอบการ ส่งออก ต้องร่วมกันฟื้นฟูการผลิตกุ้งของประเทศไทยและนำตลาดส่งออกกุ้งไทยที่สูญเสียไปกลับคืนมาให้ได้สำเร็จภายในปี 2559 และต่อเนื่องไปในอนาคต ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยจะมีผลผลิตกุ้งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้นและยั่งยืน ซึ่งเป็นฐานของความสำเร็จที่ทำให้ประเทศไทยสามารถกลับมาเป็นประเทศผู้นำในการส่งออกกุ้งได้อีกครั้งเช่นที่ผ่านมา.
ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/ วันที่ 7 ตุลาคม 2558