เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

คลังถกเอกชนขจัดอุปสรรคการค้าแก้กฎระเบียบลดขั้นตอนช่วยธุรกิจคล่องตัว

ข่าววันที่ :6 ต.ค. 2558

Share

tmp_20150610111131_1.jpg

          นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้า Business Easing โดยมี นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เป็นประธานการประชุมร่วมกับภาคเอกชน เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2558 ว่าการแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านการค้าและ การลงทุนให้กับภาคเอกชนจะแล้วเสร็จภายในเดือน ธันวาคมนี้ ตามนโยบายนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เพื่อให้ทันกับการสำรวจความคิดเห็นของสำนักงานกฎหมายบริษัทเอกชนต่างๆ ในช่วง เดือนมกราคม 2559 ก่อนที่ธนาคารโลกจะจัดอันดับความยากง่ายใน การทำธุรกิจรอบใหม่ ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2559

          "ปัจจุบันไทยการทำธุรกิจยากง่ายของไทยอยู่ในอันดับที่ 26 จากกว่า 180 กว่าประเทศ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างดีแล้ว แต่จะต้องดีกว่านี้ขึ้นไปอีก ที่ผ่านมาก็ดำเนินการแก้ไขกฎระเบียบ ที่เป็นอุปสรรคกับภาคเอกชนไปแล้วกว่า 70-80% ส่วนที่เหลือคาดว่า จะแล้วเสร็จได้ภายในสิ้นปีนี้" นายสมชัย กล่าว

          ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวว่า การประชุมเป็นการติดตามความคืบหน้าหลังจากที่ประชุมครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ในฐานะฝ่ายเลขาที่ประชุม รายงานให้ทราบผลการเจรจาร่วมกับภาคเอกชนว่ามีส่วนใดบ้างดำเนินการไปแล้ว และส่วนใดที่ยังไม่ได้ดำเนินการ ซึ่งจะมีการหารือความคืบหน้าอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้

          ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงการคลัง เป็นการติดขัดในขั้นตอน ทางกฎหมายกับ 3 หน่วยงาน คือกรมศุลกากร กรมสรรพากร และ กรมสรรพสามิต โดยเฉพาะประเด็นการปฏิบัติตามเอกสารราชการ ซึ่งมีขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยาก กระบวนการชำระภาษีต่างๆ มีปัญหาเรื่องการยกเลิกการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ภาษีควบรวมกิจการ ภาษีอากรจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ การนำเข้า-ส่งออก มีปัญหาเรื่อง อัตราโทษความผิดกฎหมายศุลกากร พิกัดศุลกากร การจำกัดค่าใช้จ่ายนำเข้าและส่งออกสินค้าทางเรือ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังต้องเร่งนโยบายการชำระเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อีเพย์เม้นท์) ของรมว.คลัง ให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นปี ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการจัดอันดับเช่นกัน

          นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย(สอท.) กล่าวว่า พอใจที่ภาครัฐมีการเรียกเอกชนมาร่วมหารือในประเด็นนี้ หากยังมีการประชุมติดตามแก้ไขปัญหาต่อเนื่อง มั่นใจว่า การจัดอันดับการทำธุรกิจของไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นแน่นอน โดยที่ผ่านมา ก็มีการแก้ไขปัญหาไปแล้วหลายเรื่อง เช่น การขอใบอนุญาตอาหาร และยา (อย.) การขอใบอนุญาตมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) รวมทั้ง ลดระยะเวลาการออกใบอนุญาตต่างๆ เหลือ 1-3 วัน

          รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังระบุว่า การประชุมเพื่อติดตามความความคืบหน้าตามข้อเสนอของภาคเอกชนใน 6 ด้านหลัก แยกได้ 25 เรื่อง เช่น 1.เรื่องการจัดตั้งธุรกิจ ยังมีปัญหาเรื่องข้อบังคับการทำงานต่างๆ เช่น การขอใบอนุญาตค้าปลีก การต่ออายุเปลี่ยนกรรมการ 2.การขออนุญาตก่อสร้าง มีปัญหาเรื่อง ใบอนุญาตก่อสร้าง ใบอนุญาต รง.4 การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม

          3.การชำระภาษี มีปัญหาเรื่องการยกเลิกการจัดเก็บ ภาษีสรรพสามิต ภาษีควบรวมกิจการ ภาษีอากรจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 4.การนำเข้า-ส่งออก มีปัญหาเรื่อง อัตราโทษความผิด กฎหมายศุลกากร พิกัดศุลกากร การจำกัดค่าใช้จ่ายนำเข้าและส่งออกสินค้าทางเรือ 5.การท่องเที่ยว การทำวีซ่าหรือใบอนุญาตทำงานของชาวต่างชาติ มีปัญหาเรื่อง เอกสารการตรวจคนเข้าเมือง พ.ร.บ.ควบคุมการจำหน่ายแอลกอฮอล์ และเรื่องอื่นๆ เช่น การเชื่อมต่อข้อมูลทะเบียนราษฎร์ การคำนวณภาษีได้สิทธิ์บีโอไอ

 

          บรรยายใต้ภาพ

          สมชัย สัจจพงษ์

 

ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 6 ตุลาคม 2558