ออมสินพร้อมเป็นมือของรัฐ กระตุ้นเศรษฐกิจ
ให้คะแนนเนื้อหา
คะแนนเฉลี่ย 0.0 จำนวนผู้โหวด 0"ปีหน้าจะเห็นภาพลักษณ์ของธนาคารออมสินเป็นธนาคารเพื่อสังคมอย่างชัดเจนมากขึ้น จะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะมีกลิ่นอายของธุรกิจเพื่อสังคมผสมอยู่ในการทำการตลาด เช่น การฝากเงินที่มีการคุ้มครองชีวิต ทำบัตรเดบิตแล้วได้ประโยชน์อื่นๆ ตามมา" ชาติชาย กล่าว
การที่ได้ปรับภาพลักษณ์ไปในเชิงธนาคารพาณิชย์ในช่วงแรก เป็นเพราะผลการสำรวจของธนาคารออกมาแล้ว ธนาคารเป็นที่ไว้วางใจของลูกค้ากลุ่มเด็กและผู้สูงอายุ ทำให้การเติบโตของธุรกิจ เช่น บัตรเดบิต บัตรเครดิต หรืออื่นๆ ขยายตัวช้า และส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลิตภัณฑ์ไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า
ชาติชาย กล่าวว่า ได้เปลี่ยนมอตโต้ของธนาคารให้สอดคล้องกับพันธกิจคือ "เติบโต ยั่งยืน ตอบแทนคืนสู่สังคม"
เขากล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาเศรษฐกิจไปเกิดอยู่ในระดับฐานราก หรือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยตามชนบท ที่มีรายได้ลดลงจากราคาสินค้าเกษตร ดังนั้นก็จำเป็นที่รัฐบาลจะเข้าไปแก้ไขตรงส่วนที่มีปัญหาก่อน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ และธนาคารออมสินพร้อมที่สุดที่จะเข้าไปเป็นมือไม้ให้รัฐบาล การฉีดเงินกองทุนหมู่บ้าน การช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี
"มีคำถามว่า ทำไมธนาคารออมสินไม่ปล่อยกู้ให้ลูกค้าเอสเอ็มอีเองโดยไม่ต้องให้ซอฟต์โลนผ่านธนาคารพาณิชย์ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ คำตอบก็คือ ส่วนแบ่งการตลาดลูกค้าเอสเอ็มอีส่วนใหญ่อยู่ในมือธนาคารพาณิชย์ การที่จะให้เงินเข้าถึงเอสเอ็มอีได้เร็วและง่ายมากที่สุดก็ต้องผ่านให้ถูกช่องทาง" ชาติชาย กล่าว
ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์เองมีต้นทุนการเงินที่ต่ำ รับฝากเงินจากประชาชนไม่เกิน 2% แต่ก็ปล่อยกู้ดอกเบี้ยประมาณ 6-7% ส่วนต่างที่ได้สูงกว่าโครงการที่เข้ามาร่วมกับโครงการของรัฐบาลมาก เพราะเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 1.5% ปล่อยกู้ได้ไม่เกิน 4% ได้ผลตอบแทนส่วนต่างไม่มากเท่าใช้เงินฝากของธนาคารเอง
"ผมห่วงว่าเงินแสนล้านนี้อาจจะไม่หมดเสียด้วยซ้ำ ขึ้นอยู่กับธนาคารพาณิชย์ว่าจะใช้เงินในโครงการหมดหรือไม่" ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าว
สำหรับการปล่อยกู้ให้กับโครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาล ธนาคารออมสินก็พร้อมที่จะให้สินเชื่อ เพราะการให้กู้รัฐบาลมีความเสี่ยงต่ำ รัฐบาลเป็นประกันอยู่แล้ว หากรัฐบาลจะให้ออมสินเป็นหนึ่งในผู้ไฟแนนซ์โครงการ ธนาคารจึงจะระดมเงินฝากจากประชาชนมาใช้ในโครงการลงทุนของรัฐ ซึ่งรัฐบาลคงจะเปิดให้เอกชนเข้ามาลงทุนแบบพีพีพี ซึ่งคงกู้ไม่เกินกรอบการคลังที่รองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กำหนดไว้ไม่ให้เกิน 50% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)
ชาติชาย กล่าวว่า การเข้าไปเป็นมือไม้ของรัฐบาลในการดำเนินนโยบายนั้น จะไม่มีปัญหาอะไร แม้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด ได้กำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าตรวจสอบธนาคารรัฐ ก็ไม่มีปัญหา เนื่องจากสินเชื่อตามนโยบายของรัฐนั้น จะมีการแยกบัญชีออกมา หากเสียหายรัฐก็ดูแล และ สินเชื่อตามนโยบายของรัฐก็ชัดเจนว่าจะใช้เกณฑ์วัดแบบธนาคารพาณิชย์คงไม่เหมาะสม การปล่อยกู้ให้ลูกค้ารายย่อยเยอะ ความเสี่ยงมีมากกว่าเพราะจำเป็นต้องยืดหยุ่นให้สินเชื่อเดินหน้าต่อไปได้
"เราทำตามเกณฑ์ของ ธปท. แต่ก็จะต้องมีเหตุผลที่อธิบายได้ว่าทำไมจึงดำเนินการเช่นนี้ ที่รัฐบาลให้ธนาคารออมสินทำก็เพราะเราพร้อมที่สุด" ชาติชาย กล่าว
ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวต่อไปว่า ในสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ เพราะปล่อย สินเชื่อไปแล้วกลายเป็นหนี้เสียไม่คุ้ม สิ่งที่ออมสินรับนโยบายมาทำ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ ให้เกิดเงินหมุน หน้าที่นี้หากออมสินไม่ทำแล้วใครจะทำ และโครงการทั้งหมดที่รัฐบาลให้เข้าไปดูแล ก็ได้ดูความเสี่ยงของโครงการแล้วว่ารับได้ จึงเดินหน้าโครงการต่อไป
ในวันที่ 14 ก.ย.นี้ จะเป็นวันที่เริ่มต้นโครงการทั้งการปล่อยกู้ผ่านกองทุนหมู่บ้าน และการให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำกับธนาคารพาณิชย์เพื่อไปปล่อยกู้ให้ลูกค้าเอสเอ็มอี หลังจากโครงการเดินหน้าไปแล้วก็ต้องติดตามผลว่าเป็นไปตามนโยบายหรือไม่
บรรยายใต้ภาพ
ชาติชาย พยุหนาวีชัย
ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 14 กันยายน 2558