เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการเกร็ดน่ารู้ » รายละเอียดเกร็ดน่ารู้

เกร็ดน่ารู้ เรื่อง ปักธงโตอี-คอมเมิร์ซโอกาสแบรนด์ใหม่



tmp_20171412105054_1.jpg


          เรื่อง รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย

          ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในไทยยิ่งนับวันก็ยิ่งเติบโตเพิ่มขึ้นนั้น แบรนด์ใหม่ที่เข้ามาทำตลาด จึงมองโอกาสการสร้างช่องทางจำหน่ายสินค้าบนออนไลน์มากกว่าช่องทางออฟไลน์ เพราะมีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำและเข้าถึงคนได้ง่ายครอบคลุมอย่างรวดเร็ว
          เพ็ญสิริ เสถียรวงศ์นุษา ประธานเจ้าหน้าที่ร่วมบริหาร บริษัท เอ คอมเมิร์ซ ผู้ให้บริการโซลูชั่นอี-คอมเมิร์ซครบวงจร เปิดเผยว่า กลุ่มสินค้าแม่และเด็กหลายแบรนด์เริ่มทำตลาดผ่านอี-คอมเมิร์ซเพียงช่องทางเดียว โดยที่ไม่ได้จำหน่ายผ่านช่องทางออฟไลน์ หรือร้านค้าปลีก เช่น ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์คิระ คิระ สินค้าระดับพรีเมียม เปิดตัวเว็บไซต์ www.kirakira-baby.com ขึ้นมา ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของแบรนด์เอง
          หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญนั้น หากสินค้าต้องการสร้างแบรนด์ดอทคอมรองรับการทำธุรกิจในอนาคต ในกรณีที่แบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เว็บไซต์ควรเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลส เมื่อลูกค้าคลิกเข้าไปซื้อสินค้าแล้วระบบจะเชื่อมโยงกับมาร์เก็ตเพลส อาทิ ช้อปปี้ ลาซาด้า คอนวี่ และอีเลฟเว่นสตรีท โดยที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ด้วยโปรโมชั่นของแต่ละค่ายที่เสนอและถูกที่สุด
          "ตลาดสินค้าแม่และเด็กกำลังเป็นแคทิกอรี่ที่มาแรงในอี-คอมเมิร์ซในเอเชีย คุณแม่รุ่นใหม่ไม่มีเวลาเดินทางไปข้างนอกเพื่อซื้อสินค้า ทำให้แบรนด์ต่างๆ เริ่มมองเห็นโอกาสและปักธงทำตลาดออนไลน์เพียงอย่างเดียวกัน มากกว่าที่จะขยายไปในช่องทางออฟไลน์ที่มีต้นทุนสูง" เพ็ญสิริ กล่าว
          ปัจจุบันสินค้าพีแอนด์จีภายใต้ แบรนด์แพมเพิร์ส จะนำผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมสำเร็จรูปกลับเข้ามาทำตลาดและขายเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น ซึ่งล่าสุดนำสินค้าไปจำหน่ายแพลตฟอร์มมาร์เก็ตของลาซาด้า
          ทั้งนี้ จากข้อมูลพฤติกรรมของกลุ่มคุณแม่นิยมใช้เฟซบุ๊กถึง 57% ในการค้นหาข้อมูลเรื่องลูก รองลงมาคือ ค้นหาจากกูเกิล 23% และเข้าเว็บไซต์ที่ชอบโดยตรง 7%
          จัสติน หวัง ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กคิระ คิระ กล่าวว่า บริษัทนำแบรนด์คิระ คิระ เข้าทำตลาดเฉพาะโลกออนไลน์ เพราะมองว่าแม่ที่มีพฤติกรรมการซื้อสินค้าทางผ่านออนไลน์ มีความทันสมัยและต้องการสินค้าที่เป็นพรีเมียม แต่การทำตลาดแบรนด์ก็ให้ความสำคัญกับโซเชียล มีเดีย เพื่อเป็นช่องทางในการเอนเกจเมนต์ และแบรนด์ต้องอยู่ทุกหนทุกแห่งที่มีผู้บริโภค
          บุญฤทธิ์ มหามนตรี ประธานกรรมการ บริษัท ไลอ้อน ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคในเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า บริษัทเริ่มพัฒนาช่องทางจำหน่ายสินค้าออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ www.lionshoponline.com และปีนี้เพิ่งทำธุรกิจอย่างจริงจัง ขณะนี้ได้นำผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุแบรนด์กู๊ดเอจเข้ามาจำหน่ายบนเว็บไซต์ เพื่อเป็นช่องทางการทดลองผลิตภัณฑ์และความต้องการของตลาดก่อน ประกอบด้วยสินค้า 5 รายการ อาทิ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน โลชั่นบำรุงผิว เป็นต้น
          "ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุยังเป็นนิชมาร์เก็ต หรือตลาดที่เฉพาะเจาะจง ความต้องการใช้งานยังไม่แพร่หลายมากนัก การนำสินค้าไปจำหน่ายผ่านทางออฟไลน์เป็นต้นทุนที่สูงเมื่อเทียบกับช่องทางออนไลน์ เหมาะกับการทดลองสินค้าใหม่ๆ นอกจากนี้ออนไลน์ยังเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพสูงเข้าถึงกลุ่มคนได้ง่ายและครอบคลุม อย่างไรก็ตามสินค้าเริ่มมีความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้น บริษัทถึงจะพิจารณาขยายช่องทางออฟไลน์หรือร้านค้าปลีกทั่วไป" บุญฤทธิ์ กล่าว
          การค้าบนโลกออนไลน์ที่ไร้พรมแดน เป็นยุคที่ใครๆ ก็มองเห็นโอกาสขายของบนออนไลน์เหมือนกันหมด ซึ่งการแข่งขันทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ดังนั้นสินค้าต้องวางยุทธศาสตร์ให้ดี ทั้งสินค้าต้องมีนวัตกรรมและความแตกต่างอย่างชัดเจน
          นอกจากนี้ ต้องให้ความสำคัญใน ทุกแพลตฟอร์มในโลกของอี-คอมเมิร์ซ ทั้งเว็บแบรนด์ดอทคอม มาร์เก็ตเพลส เฟซบุ๊ก เพื่อให้ผู้บริโภคเจอสินค้าใน ทุกที่ทุกโอกาสทุกแพลตฟอร์มที่เข้าไปสัมผัส


ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก  :  หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์  วันที่ 14 ธันวาคม 2560