เกร็ดน่ารู้ เรื่อง อี-คอมเมิร์ซกับเอสเอ็มอียุค 4.0
เรื่อง ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล
การดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก โดยมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาปรับใช้ในการทำตลาด จึง ไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อี-คอมเมิร์ซ) เกิดขึ้น และมีอัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็วในไทย
ภาวุธ พงษ์วิทยาภานุ นายกสมาคมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทยและกรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ TARAD.com ให้ข้อมูลในงานเสวนา เรื่อง "ขับเคลื่อน SME ไทยอย่างไรให้ทันยุค 4.0 ด้วยอี-คอมเมิร์ซและอาลีบาบาดอทคอม" ที่จัดโดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEC) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ว่า ปัจจุบันประชากรของประเทศไทยมีอยู่ 68 ล้านราย มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต 46 ล้าน ราย และในจำนวนนี้มีแอ็กเคานต์ในสื่อโซเชียลถึง 49 ล้านราย และพบว่าคนเจนวาย (วัยทำงาน) เป็นกลุ่ม ที่มีชั่วโมงการใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดเฉลี่ย 5,302 ชั่วโมง/สัปดาห์
"เห็นได้ว่าปัจจุบันจะมีการตลาดรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย จากเดิมการตลาดจะจำกัดอยู่แค่ในสื่อที่อยู่แค่ในประเทศเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ทั่วโลกมากขึ้น จึงทำให้การทำธุรกิจในยุค 4.0 ต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่" ภาวุธ กล่าว
สำหรับ 10 เทรนด์การทำการตลาดอี-คอมเมิร์ซที่เห็นในปี 2560 ได้แก่ 1.โมบาย (Mobile) ที่มีการใช้งานเพิ่มมากขึ้นจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของภาครัฐ รวมทั้งการที่ราคาโทรศัพท์มือถือ ถูกลง 2.การถ่ายทอดสดแบบเรียลไทม์ (Live & Realtime) ที่เห็นชัด คือเฟซบุ๊กที่กลายเป็นแพลตฟอร์ม ใหญ่ในการไลฟ์ขายของออนไลน์ 3.ทุกอย่างสามารถวัดผลได้ (Everything Measurable) 4.การเกิดผลรับก่อนค่อยจ่าย (Performance Based) 5.การตลาดเชื่อมโยงกันหมด (360 Integrated Marketing)
6.ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญและมีจำนวนมหาศาล เพราะอยู่ในยุค ของบิ๊กดาต้า (Data) 7.การรู้จัก และเข้าใจลูกค้า (Knowing your consumer) 8.การอยู่ในทุกเส้นทางของลูกค้า (Consumer journey analytics) 9.เป็นยุคของการใช้เครื่องจักร (Time for Mechines) หรือยุคของปัญญาประดิษฐ์ และ 10.การเข้าสู่โลกเสมือนจริง (Virtual Reality : VR)
"การตลาดตอนนี้กำลังก้าวจาก ยุค 1.0 สู่ยุค 3.0 ที่ทุกอย่างจะถูก หล่อหลอมเข้าด้วยกันเป็นยุคที่สินค้า จะเข้ามาหาผู้ซื้อเองอย่างอัตโนมัติ ซึ่งต่างจากก่อนที่ผู้ซื้อต้องออกไปหาสินค้า ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าการค้าออนไลน์จะ มาแน่นอน" ภาวุธ สรุป
ด้าน สกุลรัตน์ ตันยงศิริ หัวหน้าธุรกิจ LINE@ LINE ประเทศไทย บอกว่า จากฐานข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) พบว่าปัจจุบันประเทศไทยมี ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 2.8 ล้านราย มีมูลค่าคิดเป็น 39% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และตั้งเป้าอีก 5 ปีข้างหน้าจะผลักดันมูลค่าของเอส เอ็มอีให้เป็น 50% ของจีดีพี ซึ่ง LINE@ เองก็เป็นแพลตฟอร์มแชตอันดับ 1 ในไทย และไม่ใช่แค่ใช้สื่อสารเท่านั้น แต่ยังเป็นช่องทางที่เอสเอ็มอีสามารถใช้ในการขายของได้ด้วย
"LINE@ เป็นแพลตฟอร์มที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าของเอสเอ็มอีได้ง่ายและตรงเป้าหมาย เพราะปัจจุบันที่มีแอ็กเคานต์มากถึง 1.6 ล้านราย ภายในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งถือเป็นเหตุผลหนึ่งที่ช่วยทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีประสบความสำเร็จ" สกุลรัตน์ กล่าว
ขณะที่ตัวแทนจากเว็บไซต์อาลี บาบาดอทคอม แอนดี้ เฉิน กล่าวว่า อาลีบาบาพร้อมที่จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการช่วยเอสเอ็มอีไทยให้มีหน้าร้านอี-คอมเมิร์ซ เพราะตั้งแต่ปี 2550-2559 มีมูลค่าการซื้อขายบนอาลีบาบาถึง 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และ อาลีบาบาก็ยังมีแผนที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านธุรกิจอี-คอมเมิร์ซร่วม กับพาร์ตเนอร์ทั่วโลก เพื่อตอบสนอง ผู้บริโภคที่อยู่ฐานระบบการซื้อขายของ อะลีบาบากว่า 2,000 ล้านรายทั่วโลก
อย่างไรก็ดี การซื้อขายออนไลน์กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ผู้ซื้อในปัจจุบันมีการซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นแทบทุกธุรกิจไม่ว่าจะขายอะไรก็ตามก็ควรขายออนไลน์ด้วย เพราะการทำตลาดออนไลน์ และ ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซกำลังจะกลายเป็น สิ่งจำเป็นสำหรับทุกธุรกิจในยุค 4.0
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2560
