เกร็ดน่ารู้ เรื่อง ส่องตลาดไอทีเจนบีรอวันเกิด ติดเล่นแชตก้าวสู่โลกเอไอ
เรื่อง | ทีมข่าวไอทีโพสต์ทูเดย์
ส่องตลาดไอทีเจนบี รอวันเกิด ติดเล่นแชตก้าวสู่โลกเอไอ
อีก 3 ปีข้างหน้า ไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุสูงสุด ที่มีประชากรอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปต่อจำนวนประชากรทั้งหมดเกือบ 20% ทิศทางตลาดไอทีกับกลุ่มผู้สูงวัย จึงเป็นตลาดที่ไม่ควรมองข้าม ขณะนี้กลุ่มผู้สูงวัยไทยเริ่มมีพฤติกรรมการเล่นแชตผ่านทางไลน์ เริ่มใช้งานแอพพลิเคชั่นเช็กสุขภาพกันแล้ว
ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย เปิดเผยว่า พฤติกรรมกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) หรือเจนบี เกิดระหว่างปี 2489-2507 ปัจจุบันมีอายุ 51-69 ปี ถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ภายในอีก 1-2 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะกลุ่ม 40-50 ปี เริ่มซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์แพลตฟอร์มโซเชียลคอมเมิร์ซ อย่างเฟซบุ๊กและไลน์อย่างชัดเจน ซึ่งกลุ่มสินค้าที่กลุ่มผู้สูงอายุมองหาส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเพื่อสุขภาพ ตามมาด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลปัจจุบันพบว่า กลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ยังซื้อสินค้าทางอี-คอมเมิร์ซในสัดส่วน 15% เท่ากับกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี แต่โอกาสที่กลุ่มผู้สูงอายุซื้อของออนไลน์เติบโตขึ้น เพราะมีกำลังซื้อสินค้าสูง ราคาสินค้ามีอิทธิพลต่อการซื้อสินค้าน้อย ส่วนกลุ่มอายุ 20-40 ปี เป็นฐานลูกค้าในอี-คอมเมิร์ซสัดส่วน 70% การซื้อสินค้าความถี่สูงและราคามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ
ขณะที่กลุ่มสินค้าไอทีที่น่าจับตามอง และคาดว่าจะแจ้งเกิดในตลาดผู้สูงอายุภายใน 2-3 ปีข้างหน้า คือ ไอโอที หรืออินเทอร์เน็ตสำหรับสรรพสิ่ง เช่น สัตว์เลี้ยงไอที แต่กลุ่มสินค้าปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) หุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุจะเกิดหลังจาก 2-3 ปีอย่างแน่นอน
จักรกฤช วัชระศักดิ์ศิลป์ ประธานบริหารสายงานผลิตภัณฑ์และการจัดการ บริษัท แอดไวซ์ โฮลดิ้งส์ กรุ๊ป ร้านค้าปลีกไอทีแอดไวซ์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังเตรียมเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุจาก 600 บาท เป็น 1,200 บาท/เดือน ปัจจัยดังกล่าวมีโอกาสผลักดันให้กลุ่มผู้สูงอายุ 40-50 ปี ในตลาดต่างจังหวัดมีกำลังซื้อสูงขึ้นและเปลี่ยนสมาร์ทโฟนจากระดับราคา 3,500 บาท มาเป็นระดับราคา 5,000-6,000 บาท
"เบื้องต้นรอความชัดเจนกระทรวงการคลังมอบเบี้ยให้กับผู้สูงอายุ ซึ่งมีแผนเจรจากับโอเปอเรเตอร์ทำโปร โมชั่นสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุร่วมกัน โดยกลุ่มผู้สูงอายุ 40-50 ปี มีแนวโน้มให้สมาร์ทโฟนเพื่อสำหรับการพูดคุยบนไลน์หรือเฟซบุ๊กกับลูกหลานหรือกลุ่มเพื่อนร่วมวัยเดียวกัน จึงต้องการฟีเจอร์ที่รองรับ แต่พฤติกรรมของคนเมือง เชื่อว่ามีโอกาสพัฒนาไปถึงระดับการเล่นอุปกรณ์ไอโอที" จักรกฤช กล่าว
ในส่วนของกลุ่มสมาร์ทโฟน ชานนท์ จิรายุกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทย ออปโป้ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนออปโป้ กล่าวว่า สมาร์ทโฟนสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุในไทยต้องใช้ระยะเวลา 10 ปี ตลาดถึงแจ้งเกิด หรือเป็นกลุ่มที่อยู่เจเนอเรชั่นเอ็กซ์มีอายุเพิ่มจาก 40 ปีเป็น 50 ปี เพราะเป็นกลุ่มที่พัฒนาตามเทคโนโลยีมากกว่า เมื่อเทียบกับกลุ่มเจเนอเรชั่นบี นิยมเล่นแชตทางไลน์ แต่การพัฒนาสู่ฟีเจอร์ต่างๆ เป็นไปได้น้อย
สำหรับตลาดสมาร์ทโฟนมูลค่า 1 แสนล้านบาท หรือ 15 ล้านเครื่อง สำหรับผู้สูงอายุขณะนี้มีสัดส่วนไม่ถึง 1% และยังไม่มีแบรนด์ใดเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง
สุธีรา จำลองศุภลักษณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายเลิร์นนิ่ง มีเดีย บริษัท ล็อกซเล่ย์ กล่าวว่า ผู้สูงวัยมีความต้องการเรียนรู้การใช้อุปกรณ์ไอทีมากขึ้น ทั้งสมาร์ทโฟน กล้องดิจิทัล คอมพิวเตอร์พีซี เพราะต้องการสื่อสารกับลูกหลาน แต่ลูกหลานไม่ได้มีเวลาสอนเต็มที่ ผู้ที่มาเรียนต้องการใช้แอพพลิเคชั่นผลิตคอนเทนต์ได้เอง เช่น ถ่ายรูป ทำคลิป อัพโหลดไฟล์บน โซเชียลมีเดีย โดยชมรมคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเพื่อผู้สูงวัย (OPPY Club) มีผู้มาเรียน 300 คน ปลายปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
สิ่งที่จะทำให้ผู้สูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีและรู้สึกมีความสุขกับวัยเกษียณ คือ การไม่ตกเทรนด์ ซึ่งการเข้าถึงเทคโนโลยีจะเป็นการเพิ่มคุณค่าให้แก่คนกลุ่มนี้ได้ดีขึ้น แม้ว่าไอทีสำหรับ เจนบียังไม่ได้เกิดเต็มตัว แต่ก็เป็นตลาดที่มีศักยภาพและรอวันแจ้งเกิดอย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 27 เมษายน 2560