เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการเกร็ดน่ารู้ » รายละเอียดเกร็ดน่ารู้

เกร็ดน่ารู้ เรื่อง ปลูกกล้วยหอมฟิลิปปินส์ สร้างรายได้หลักแสน แบบ "รัชนี มณีทุม"



tmp_20152207162631_1.jpg


มนตรา อนันตชัยศิริ

          เป็นที่รู้จักกันดีว่าการกินกล้วยหอมจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง จึงช่วยป้องกันการเป็นโรคที่เกี่ยวกับสมองได้ด้วย และยังถือเป็นแหล่งรวมวิตามินบีที่สูงมาก ซึ่งวิตามินปีนี้จะช่วยในการทำงานของระบบประสาท และทำให้การทำงานของสมองได้สมดุลนอกจากนี้กล้วยหอมยังช่วยในการกระตุ้นความตื่นตัวให้กับสมอง ช่วยให้สมองทำงานได้เต็มที่ อีกทังยังสร้างรายได้ให้กับครอบครัวอย่าง คุณรัชนี มณีทุม เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมฟิลิปปินส์ ก้าวสู้ชีวิตเกษตรกรถูกลองผิดมาหลายอย่างกับอาชีพการทำเกษตรจนสามารถสร้างรายได้นับแสนบาทต่อเดือนจากกล้วยหอมฟิลิปปินส์

          คุณรัชนี เจ้าของสวนกล้วย เล่าว่า เดิมก่อนหน้าที่จะมาทำสวนกล้วย เคยปลูกพืชล้มลุก มะเขือ มะนาว และมะเขือส่งตลาด แต่ประสบปัญหารทางด้านราคาแต่ถึงจะขายได้ราคาต่ำก็ต้องยอมขาย ถ้าไม่ขายก็จะเน่าเสีย เพราะเป็นพืชผักอายุสั้นจนเริ่มปรึกษากับสามีเพื่อให้ลูกได้เรียนและเรามีกินพอดีช่วงนั้น บริษัทโดลไทยแลนด์ จำกัด มองหาเกษตรกรลูกฟาร์มที่จะผลิตกล้วยป้อนบริษัท จึงเกิดความสนใจและเข้าไปรับฟัง จนเกิดความสนใจอยากปลูกขึ้นมาทันที เพราะทำแล้วมีตลาดรับซื้อไม่ต้องกลัวว่าปลูกแล้วจะไปขายตลาดที่ไหน แถมยังหมดปัญหาเรื่องแรงงานการเก็บเกี่ยว เพราะเมื่อถึงเวลากล้วยแก่ตามกำหนดทาง บริษัทฯ จะส่งเจ้าหน้าที่มาตัดเอง ส่วนเรามีหน้าที่ปลูกและดูแลให้ได้ตามาตรฐานที่บริษัทกำหนด

          คุณรัชนีเล่าต่ออีกว่าก่อนที่เราจะเซ็นสัญญาตกลงเป็นลูกฟาร์มนั้น บริษัทจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบแปลงปลูกดูแหล่งน้ำต่างๆ ใกล้แหล่งน้ำ คลองชลประทาน ถ้าทำเลเหมาะสมกับการปลูกจึงจะได้ไปเซ็นสัญญา และลงมือทำตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ เช่น วิธีการเตรียมแปลงปลูก การปลูก การดูแล เป็นต้น ในช่วงแรกได้ลงทุนปลูกกล้วยไป 10 ไร่ โดยซื้อหน่อเยื่อจากบริษัท หน่อละ 7 บาท 400 หน่อปลูกได้ 1 ไร่ ระยะห่างระหว่างตัน 1 วา คิดเป็นต้นทุนค่าพันธุ์ไร่ละ 2,800 บาท ซึ่งทุนที่ใช้ในการซื้อหน่อพันธุ์และเป็นทุนหมุนเวียนก็ได้รับการสนับสนุนจาก ธ.ก.ส. ด้านสินเชื่อในการลงทุนในครั้งนี้

          ในส่วนของการเตรียมพื้นที่ก่อนปลูกจะต้องไถพรวนดิน และตากหน้าดินให้แห้งเป็นเวลา 1 สัปดาห์ จากนั้น ไถ ยกร่อง แล้วจึงขดหลุมปลูก และรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก ส่วนระบบน้ำนั้นเราจะใช้การให้น้ำแบบสปริงเกิล โดยจะให้น้ำ 3 วัน ต่อ 1 ครั้ง ระยะเวลาแต่ละครั้งควรดูที่ความชุ่มชื้นของหน้าดินเป็นหลัก ซึ่งดินจะต้องชื้นแต่ไม่แฉะหลังจากการปลูก 1 สัปดาห์จะเริ่มให้ปุ๋ยสูตร 25-7-7 และเริ่มให้ปุ๋ยคอกบำรุงที่โคนต้นเดือนเว้นเดือน โดยใน 1 รอบของการปลูก คือ ใช้เวลา 8 เดือนจึงเริ่มตัดได้บางเครือ จะแบ่งการให้ปุ๋ยออกเป็น 4 ครั้งๆ ละ 1 กระสอบต่อไร่ ครั้งที่ 1 ให้หลังจากการปลูก 7 วัน, ครั้งที่ 2 เมื่อกล้วยอายุได้ 3 เดือน, ครั้งที่ 3 เมื่อกล้วยอายุได้ 5 เดือนและครั้งที่ 4 เมื่อกล้วยอายุได้ 7 เดือน

          วิธีการดูแลต้นกล้วย เมื่ออายุได้ 3 เดือน จะเริ่มมีหน่อแทงรอบบริเวณโคนต้นในระยะนี้ควรปาดหน่อกล้วยทิ้งออกทั้งหมดหลังจากนั้นอีก 3 เดือน หน่อที่โดนปาดเหล่านั้น ก็จะแทงยอดออกมาใหม่ ให้เลี้ยงไว้ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ต้นแม่ตกเครือพอดี เริ่มแต่งใบ เพื่อไม่ให้เสียดสีกับลูกกล้วย เลือกเลี้ยงหน่อสมบูรณ์ที่สุดไว้เพียง 1 หน่อ และหน่อนั้นจะต้องอยู่ด้านข้างหรือฝั่งตรงข้ามกับการตกเครือของต้นแม่เสมอ ส่วนหน่อที่ไม่ถูกเลือกจะต้องขุดออกหรือตัดทิ้ง ถ้าปล่อยไว้จะมาแย่งอาหารของต้นหลักที่กำลังจะให้ผลผลิต โดยปกติกล้วยหอมฟิลิปปินส์ หากลำต้นอุดมสมบูรณ์จะตกเครืออยู่ประมาณ 13 หวี การตัดแต่งจะต้องตัดแต่งให้เหลือประมาณ 10 หวีต่อเครือ ส่วนในเครือที่ไม่สมบูรณ์ จะตัดแต่งให้เหลือ 7-8 ทวีต่อเครือ ทั้งนี้ต้องคัดลูกที่บิดเบี้ยวและลูกแฝดทิ้งด้วยส่วนการตัดแต่งกาบใบนั้นจะต้องตัดแต่งให้เหลือ 7 กาบใบต่อต้น และการไว้กาบใบจะต้องสมดุลกับทุกด้าน

          คุณรัชนีบอกเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับเทคนิคการปลูกกล้วยให้ได้ลูกสวย ผิวเนียนนั้น หากจะเพิ่มมูลค่า ต้องห่อผล ซึ่งการห่อผลควรห่อตั้งแต่กล้วยตกเครืออายุได้ 30 วัน ซึ่งข้อดีของการห่อผลจะช่วยการป้องกันนกไม่ให้เข้ามาทำรังในเครือกล้วยและยังสามารถป้องกันแมลงและศัตรูพืชอื่นๆ ได้อีกด้วยนอกจากนี้ ยังทำให้เปลือกกล้วยมีสีเหลืองนวล ไม่มีตำหนิ ขายได้ราคาเป็นที่ต้องการของตลาด

          "ปัจจุบันเราปลูกกล้วยหอมทั้งหมด 42 ไร่ รายได้เฉลี่ยต่อเครือจะอยู่ที่ 150 บาท พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 400 ต้น คิดรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 60,000 บาท ต่อไร่ (กล้วย 1 รอบการผลิต ตั้งแต่ปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวใช้เวลา 8 เดือน) ส่วนต้นทุนค่าปุ๋ยและการดูแลรักษาจะอยู่ที่ 5,000 บาทต่อไร่ โดยราคาขายปลีกกล้วยหอมในตลาดปัจจุบันจะอยู่ที่หวีละ 35-40 บาท นั่นหมายความว่ากล้วย 1 เครือ จะสามารถสร้างรายได้ตั้งแต่ 350-400 บาท แต่หากขายส่งให้พ่อค้าคนกลางอีกทอดหนึ่งราคาก็อาจจะเป็นไปตามกลไกของตลาด เพราะเขาจำเป็นต้องขายเพื่อเอากำไรอีกทอดหนึ่ง"

          สำหรับเกษตรกรที่สนใจเทคนิคการปลูกกล้วยหอมอย่างละเอียดสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  คุณรัชนี มณีทุม เลขที่ 28 หมู่ 7 ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โทร 08-3301-2963

          วิสัยทัศน์ ธ.ก.ส. : "เป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่มั่นคง มีการจัดการที่ทันสมัยให้บริการทางการเงินครบวงจร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร"

        ที่มา : เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 18 พ.ค. 2558