เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการ E-clipping » รายละเอียด E-clipping
Line@ อาวุธใหม่ SME

          กัมพล ธนาปัญญาวรคุณ
          ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอท้อปพลัส


          ตอนนี้เอสเอ็มอีกำลังแห่เข้ามาทำ Line@ มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความใหม่ของสื่อออนไลน์ และความคาดหวังของผู้ประกอบการที่จะใช้ Line@ เพิ่มยอดขาย ซึ่งข้อดีของ Line@ คือ การทำคอนเทนต์แล้วให้คนที่เป็นฟอลโลเวอร์สามารถเห็นได้ทุกคน โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง (ดีกว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจมากเลยนะครับ ที่ต้องทำโฆษณาให้คนเห็น) ในราคาต่อเดือนแค่เดือนละประมาณ 1,xxx บาท อย่างนี้คนก็แห่ไปสมัครสิครับ
          แต่ปัญหาของ Line@ ที่ผมนำเสนอเสมอ คือ1.การหาฟอลโลเวอร์หรือคนมา Add Friend ใน Line@ หายากมากนะครับ เพราะ Line ไม่มีโปรแกรมให้ทำโฆษณาเพื่อหาฟอลโลเวอร์ (เห็นว่าจะมีออกมาในปีหน้า) ซึ่งทำให้จำนวนฟอลโลเวอร์ของแต่ละ Account Line เพิ่มขึ้นน้อยมาก
          2.เปอร์เซ็นต์การบล็อกสูงมากครับ มีในระดับ 10-30% ของ จำนวนคนฟอลโลเวอร์เลยทีเดียว เรียกว่าหาฟอลโลเวอร์ใหม่ไม่ทันการโดนบล็อก
          2 ปัญหานี้เป็นปัญหาที่ไลน์เองก็รู้ และเป็นปัญหาที่ไลน์ก็ยังแก้ไม่ตก ตั้งแต่สมัยทำ Line Official Account
          ความยากของการทำการตลาดผ่าน Line@ คือ ยิ่งส่งคอนเทนต์มากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งมีจำนวนการบล็อกมากขึ้นเท่านั้น จนหลายๆ คนไม่กล้าส่งคอนเทนต์กันเลยทีเดียว
          แล้วเราจะแก้ยังไง ผมคิดว่าทำได้ 2 อย่างครับ1.ทำคอนเทนต์ที่ดีมากๆ และสม่ำเสมอ ให้คนอยากอ่าน หรืออย่างแย่สุดคือเสียดายหากต้องบล็อก Line@ คุณ เพราะคนส่วนใหญ่ทำ Line@ เพียงแค่พยายามส่งโปรโมชั่นลงไป โดยคาดหวังว่าจะได้ยอดขายแบบนี้ละครับที่ทำให้ยอดบล็อกสูง
          2.ส่งคอนเทนต์ต่างๆ ลงไทม์ไลน์ อันนี้จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง เพราะส่วนใหญ่คนที่อ่านไทม์ไลน์มักจะไม่บล็อกครับ แต่จะเลื่อนไปเลย แต่ปัญหาคือ คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยกดเข้าไปในไทม์ไลน์เท่านั้น ซึ่งตรงนี้ทางไลน์เองก็พยายามให้ส่งคอนเทนต์ดีๆ ใน Line Today ลงไปในไทม์ไลน์เพื่อให้คนคลิกเข้ามาดูมากขึ้น
          มาถึงตรงนี้ก็มาถึงจุดที่ว่า เอสเอ็มอีควรทำหรือไม่ ผมคิดว่าน่าจะทำ แต่ไม่เน้นมาก แต่เน้นการเก็บฟอลโลเวอร์ไว้กับตัวเพื่ออนาคตจะดีกว่า ส่วนหลักๆ ผมแนะนำให้ทำกับเฟซบุ๊กและกูเกิลเหมือนเดิมไปก่อน เพราะเวลาของ Line@ ยังไม่มาถึงครับ


ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก  :  หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์  วันที่ 14 ธันวาคม 2560  หน้า C5