กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี ถึงยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ.2560-2564เพื่อใช้เป็นแนวทางขับเคลื่อนและพัฒนาเกษตรอินทรีย์ระยะ 5 ปี และได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว
ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ 11 กลยุทธ์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 ส่งเสริมการวิจัย การสร้างและเผยแพร่ความรู้และนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์ ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาการผลิตสินค้าและบริการเกษตรอินทรีย์ ยุทธศาสตร์ที่ 3 พัฒนาการตลาดสินค้าและบริการ และการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และยุทธศาสตร์ที่ 4 การขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์
สำหรับการขับเคลื่อนนโยบายเกษตรอินทรีย์ตามแผนยุทธศาสตร์ฯ นั้น มีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ในปี 2564 ให้ได้ไม่น้อยกว่า 1,333,860 ไร่ และเกษตรกรทำเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 96,670 ราย เพิ่มสัดส่วนตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ในประเทศร้อยละ 40 และตลาดต่างประเทศร้อยละ 60 รวมทั้งยกระดับกลุ่มเกษตรอินทรีย์วิถีพื้นบ้านเพิ่มขึ้น โดยให้ความสำคัญกลุ่มเกษตรอินทรีย์ที่มีความพร้อมเป็นผู้นำต้นแบบในการดำเนินการ เพื่อให้มีอาหารปลอดภัยและได้มาตรฐาน
ปัจจุบันมีพื้นที่ผลิตเกษตรอินทรีย์ทั่วโลกรวม 318 ล้านไร่ ใน 183 ประเทศ ขณะที่ด้านการตลาดมีมูลค่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั่วโลกรวม 3 ล้านล้านบาท สำหรับประเทศไทยมีพื้นที่ผลิตรวม 0.3 ล้านไร่ ถือเป็นอันดับ 8 ของเอเชีย และอันดับ 60 ของโลก
สินค้าเกษตรอินทรีย์ของประเทศไทยที่สำคัญ ได้แก่ กะทิ เครื่องแกง ซอส มูลค่า 1,201 ล้านบาท ข้าว 552 ล้านบาท และอื่น ๆ เช่น มะพร้าวน้ำหอม ชา กาแฟ และสมุนไพร 558 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ารวม 2,310 ล้านบาท
ซึ่งยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติมีหน้าที่ในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำระดับภูมิภาคด้านการผลิต การค้า การบริโภค และการบริการเกษตรอินทรีย์ที่มีความยั่งยืนและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
สำหรับผลการดำเนินงานในการขับเคลื่อนนโยบายเกษตรอินทรีย์ปี 2560 ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แบ่งพื้นที่ดำเนินงานออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 จังหวัดยโสธร ซึ่งมีการปลูกข้าวอินทรีย์เป็นพืชหลัก ปลูกพืชผักหลังนา และเลี้ยงไก่อินทรีย์เป็นกิจกรรมเสริม
ส่วนที่ 2 พื้นที่ทั่วไปมีกิจกรรมหลากหลายทั้งพืช ปศุสัตว์ และประมงอินทรีย์ ส่วนกลไกขับเคลื่อนการดำเนินงานแบ่งเกษตรกรออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 เป็น กลุ่มเริ่มใหม่ที่สมัครเข้าร่วมโครงการและได้รับคำแนะนำการปฏิบัติตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และได้รับการสนับสนุนปัจจัยการผลิตหรือความรู้เบื้องต้น กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มเกษตรกรที่พร้อมยกระดับ โดยเป็น กลุ่มเกษตรกรที่ปฏิบัติตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์และอยู่ระหว่างการขอรับรอง
โดยทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะให้การสนับสนุนในการตั้งโรงผลิตปุ๋ยหมักเติมอากาศ ปัจจัยการผลิต จัดทำแปลงสาธิต หมู่บ้านต้นแบบ ศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ พัฒนาต่อยอดการผลิต และกลุ่มสุดท้ายได้รับการรับรองเกษตรอินทรีย์แล้ว จะมีการเชื่อมโยงตลาดและเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าส่งเสริมการแปรรูปและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ สร้างตราสินค้าเกษตรอินทรีย์ และติดตั้งระบบตรวจสอบสินค้า
และผลการตรวจรับรองเกษตรอินทรีย์ในปี 2560 พื้นที่รวมทั้งประเทศมีประมาณ 109,040 ไร่ แยกเป็นข้าว 98,239 ไร่ และพืชผสมผสาน 9,103 ไร่.
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 15 มิถุนายน 2560 หน้า 22
eclipping_20142312180318_1.doc: ขนาด 26 KB