เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการ E-clipping » รายละเอียด E-clipping
ตอบโจทย์อนาคตข้าวไทยงานวิจัยท้าทายเกษตร4.0

          พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนานำเสนอผลงานวิจัย ภายใต้แผนงานวิจัยที่มุ่งเป้าตอบสนองความต้องการในการพัฒนาประเทศ กลุ่มเรื่องข้าว โดยระบุว่าได้เชิญผู้ที่รับผิดชอบด้านงานวิจัย ผู้มีความรู้ประสบการณ์ในด้านเกษตรโดยเฉพาะเรื่องข้าว มาพูดคุยกันให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นในการร่วมมือกันปลูกข้าว และผลิตข้าวออกมาเพื่อใช้ประโยชน์ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ยา สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ ถือว่าเป็นการใช้งานวิจัยและนวัตกรรมที่ส่งผลต่อคุณภาพของข้าว ซึ่งประเทศไทยมีปริมาณการปลูกในประเทศจำนวนมาก และในอนาคตจะให้ผู้ประกอบการนำผลวิจัยไปผลิต ทำให้ผลผลิตมีราคาสูงขึ้น เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น และจะมีการจำหน่ายออกไปทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย

          "ผลงานวิจัยทั้งหมดที่รัฐบาลสนับสนุนไปแล้วนั้นจะเกิดประโยชน์ก็ต่อเมื่อมีการนำผลวิจัยมาใช้ได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม และหวังว่าการนำเสนอผลงานวิจัยเรื่องข้าวในวันนี้จะมีหน่วยงานภาครัฐ เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งนักธุรกิจ และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องสนใจนำผลงานวิจัยไปขับเคลื่อนและผลักดันให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ จะไม่ปล่อยให้ผลงานวิจัยขึ้นหิ้งเหมือนอย่างในอดีตอีกแล้ว"

          ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องงานวิจัย ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีการปฏิรูปงานวิจัยครั้งใหญ่ โดยรวมงานวิจัยและนวัตกรรมเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ ยังปฏิรูปบุคลากร โดยการพัฒนาคน พัฒนาโครงการให้มีความต่อเนื่อง รวมถึงการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย

          ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยอมรับว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีแผนดำเนินการในเรื่องการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร โดยขณะนี้ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มผลิตในรูปแบบแปลงใหญ่ เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร ทั้งในเรื่องการลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในขั้นตอนการผลิตตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันข้าวไทยในตลาดโลกด้วย

          "ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรฯ โดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร(องค์การมหาชน) หรือ สวก. ได้บริหารจัดการทุนวิจัย จนมีผลงานวิจัยที่ประสบผลสำเร็จทั้งในเชิงพาณิชย์ เชิงสาธารณะ และเชิงนโยบาย ในกรอบแนวทางของการแก้ไขปัญหาข้าวครบวงจร ทั้งในกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพ โภชนเภสัช เวชภัณฑ์และเวชสำอาง โดยในปีงบประมาณ 2555-2557 สวก.ได้จัดสรรทุนวิจัยให้แก่นักวิจัย รวมทั้งสิ้น 608 ล้านบาท จำนวน 192 โครงการ"

          ด้าน ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กล่าวถึงการจัดงานสัมมนาครั้งนี้ว่าเป็นการเผยแพร่ผลงานวิจัยที่เสร็จสิ้นแล้ว เพื่อประชาสัมพันธ์ให้นักวิจัย นักวิชาการ ผู้ประกอบการ เกษตรกร และผู้สนใจทั่วไปได้รับทราบ และนำไปใช้ประโยชน์โดยตรง ทั้งในเชิงพาณิชย์ เชิงวิชาการ และเชิงสาธารณะ นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ใช้เป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการวิจัย อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านข้าวในอนาคต โดยเปิดโอกาสให้นักวิจัยได้พบกับผู้ประกอบการเพื่อต่อยอดทางธุรกิจอีกด้วย

          นับเป็นอีกก้าวความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาแบบมุ่งเป้าต่อยอดงานวิจัยข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าวสู่เชิงพาณิชย์ เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาประเทศภายใต้นโยบายเกษตร 4.0 ของรัฐบาล

          3 ปีทุ่มงบวิจัยข้าว 608 ล้าน 192 โครงการ

          ในระหว่างปีงบประมาณ 2555-2557 สวก.ได้จัดสรรทุนวิจัยกลุ่มข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าวให้แก่นักวิจัย รวมทั้งสิ้น 608 ล้านบาท จำนวน 192 โครงการ  ซึ่งมีผลงานวิจัยที่ก่อให้เกิดผลสำเร็จ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

          ผลงานที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ ซึ่งได้จดคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา

          ผลงานที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ แล้ว 52 คำขอ มีผลงานวิจัยที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ภาคเอกชนนำไปผลิตเป็นการค้าแล้ว 10 ราย จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ 1.การออกแบบสร้างเครื่องให้ความร้อนแบบไดอิเล็กตริกสำหรับฆ่ามอดข้าว 2.โครงการคุณลักษณะจำเพาะต่อการแปรรูปของข้าว 84 สายพันธุ์เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 3.โครงการศึกษาเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เวชสำอางต้นแบบจากน้ำหมักที่ได้จากข้าวก่ำสายพันธุ์ KKU URL 381 4.โครงการทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดจากการเพาะเลี้ยงจมูกข้าว และ 5.โครงการประยุกต์ใช้สารออกฤทธิ์จากข้าวสีในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง

          ผลงานที่เป็นองค์ความรู้และนำไปใช้ในเชิงสาธารณะ จำนวน 44 โครงการ มีผลงานเด่นใน 3 ระดับ ได้แก่ 1.ต้นน้ำ เน้นการพัฒนาเกษตรกรให้ใช้เทคโนโลยีในการผลิตข้าวที่เหมาะสมและได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น 2.กลางน้ำ เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีหลังเก็บเกี่ยวที่มีประสิทธิภาพและห่วงโซ่การผลิตข้าวคุณภาพ 3.ปลายน้ำ ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมข้าวที่มีคุณสมบัติพิเศษจากจุดเด่นของข้าวไทยที่มีความหลากหลายกว่าประเทศคู่แข่งเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง

          'งานวิจัยข้าว'ในมุมมองจากเกษตรกร

          สุกรรณ์ สังวรรณะ เกษตรกรดีเด่นแห่งหนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี กล่าวถึงการนำผลงานวิจัยจากหิ้งสู่ไร่นาว่า ปัจจุบันเกษตรกรจะต้องมีการปรับตัวมากขึ้นเพื่อให้ทันกับเทคโนโลยีการผลิตจะทำในรูปแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว เพราะรูปแบบการทำเกษตรได้เปลี่ยนไปแล้ว โดยมุ่งทำเกษตรผสมผสานแทนเกษตรเชิงเดี่ยวที่ทำแล้วไม่มีวันรวย แล้วก็เปลี่ยนจากอาชีพชาวนามาเป็นการทำนาแบบมืออาชีพ ที่ต้องมองบริบทแบบองค์รวม นำองค์ความรู้จากงานวิจัยมาปฏิบัติอย่างจริงจัง เลิกคิดเลิกเชื่อในวิถีเดิมที่เคยปฏิบัติกันมา ไม่อย่างนั้นจะอยู่ลำบาก

          "จะทำอย่างไรให้งานวิจัยลงสู่นาสู่ไร่ มีพื้นที่ 15-20 ถ้าทำนาเชิงเดี่ยวต่อไป ชาติหน้าก็ไม่รวย เพราะค่าตอบแทนมันน้อยเหลือเกิน ยิ่งถ้าเป็นนานอกเขตชลประทานที่ต้องอาศัยน้ำฝนหรือน้ำบาดาลจะยิ่งลำบาก เพราะต้นทุนยิ่งสูง เพราะฉะนั้นเราจะต้องปรับคันนามาปลูกผัก ปลูกไม้ผล เราก็จะมีพืชรายได้รายวัน ส่วนข้าวก็จะเป็นพืชรายฤดูกาลและสิ่งที่เกษตรกรยุค 4.0 จะต้องมีก็คือต้องรู้ข้าวว่าใช้ข้าวพันธุ์อะไรที่เหมาะและตลาดต้องการ รู้นา มีพื้นที่มากน้อยแค่ไหน รู้ปัญหา เราเจอปัญหาอะไรบ้างและที่สำคัญเราต้องรู้ตัวเอง" สุกรรณ์ให้มุมมองทิ้งท้าย

          บรรยายใต้ภาพ

          ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว

          พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง

          ข้าวไทยสายพันธุ์ต่างๆ

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก วันที่ 25 เมษายน 2560



เอกสารที่เกี่ยวข้อง