พงศ์วุฒิ ไพรไพศาลกิจ
การเติบโตของตลาด Cloud Computing คงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดกระแส Transition จากระบบเดิมที่อยู่ในองค์กรไปยัง Cloud Platform มากขึ้น ทั้ง Private Cloud หรือ Public Cloud ทำให้ภาพรวมตลาด SME ไทยยังคงเติบโตไปได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่กลุ่มตลาด Enterprise ก็เริ่มปรับเปลี่ยนเข้าสู่ Cloud Computing มากยิ่งขึ้นเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
กระแส Mega Cloud Providers
ผู้ให้บริการระบบ Cloud เจ้าใหญ่จาก ต่างประเทศก็เริ่มหันเปลี่ยนมาใช้กลวิธีในการจับมือกับผู้ให้บริการในระดับท้องถิ่น มากขึ้นจากนโยบายของประเทศไทยเองทำให้มีการจัดตั้งระบบ Gateway ในประเทศ เกิดขึ้น และ/หรือ ผู้ให้บริการระดับยักษ์ใหญ่ ในตลาดของประเทศไทยเองก็หันกลับมา พัฒนาระบบ Cloud เป็นของตัวเองมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญไปกว่านั้นกลุ่มตลาด Operator ก็ยังลงมาเล่นตลาดนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้กระแส Mega Cloud Providers เกิดขึ้นในบ้านเราอย่างกว้างขวาง ซึ่งจะทำ ให้เกิดการแข่งขันในเทคโนโลยีที่สูงขึ้น ขณะที่ราคาลดต่ำลง
แต่หากมองจากมุมการเติบโตของ Cloud ที่เกิดขึ้นทั่วโลกจะพบได้ว่ารายได้จากผู้ให้บริการทั่วโลกสูงขึ้นกว่าสองเท่าของปีที่ผ่านมา ซึ่งยักษ์ใหญ่ของวงการอย่าง Amazon ก็ยังคงครองแชมป์ และตามด้วย Microsoft, Google ส่วน IBM ก็เริ่มตลาดมาได้ในระยะเวลาหนึ่งซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี
Cloud Cost Containment
ปัจจัยด้านการควบคุมต้นทุนของการใช้งาน Cloud Computing เป็นประเด็นที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะความคุ้มทุนที่มา ควบคู่กับบริการที่จะได้รับ และทุกวันนี้ ผู้ใช้บริการก็สามารถเลือกใช้งานเฉพาะด้าน กับผู้ให้บริการบางรายเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณในความซ้ำซ้อนของ Cloud Computing ในบางกลุ่ม ทำให้ตลาด เริ่มมีตัวเลือกในความสามารถของ Cloud ให้เลือกได้แบบตามใจผู้ใช้งานได้
Private Cloud on Hyperconverge
กลุ่มของผู้ใช้งาน Private Cloud ก็จะเริ่มพัฒนาวิวัฒนาการจากการใช้ระบบ Server แบบเดิมๆ มาเป็นระบบ Hyper converge มากขึ้น ซึ่งข้อดีหลักคือ ผู้ใช้งานไม่จำเป็นที่จะต้องมีความรู้ที่มากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถสร้างระบบ Cloud ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพพร้อมทั้งยังมีความสามารถในด้านของการ ขยายที่รวดเร็วและสามารถเพิ่มประสิทธิ ภาพได้ง่ายอีกด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 9 ก.พ. 60 หน้า C2
