ในภาพรวมนโยบายของ Trump มุ่งเน้นเอาประโยชน์ภายในประเทศสหรัฐฯเป็นใหญ่ หรือที่เรียก America First สำหรับ Startup ที่ทำธุรกิจข้ามประเทศทั้งที่มีสหรัฐเป็นตลาดหรือมีคู่ค้าพันธมิตรเป็นอเมริกันต้องเตรียมรับกับกฎระเบียบที่คาดว่าจะออกมาเอื้อให้ฝั่งเขาเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ดี เนื่องจากอุตสาหกรรมมีการแข่งขันและมีความเป็นไปได้ที่ธุรกิจไทยจะไม่ใช่เป้าหมายสำคัญของการปรับฐานอำนาจใหม่ ผลกระทบที่พูดถึงกันเยอะคาดว่าจะไปตกที่ประเทศจีน ในทางกลับกันนโยบายนี้จึงอาจสร้างโอกาสให้ธุรกิจไทยมีช่องทางทำการค้ากับสหรัฐได้เพิ่มขึ้น
แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งดีใจไปล่วงหน้า แม้โอกาสที่ว่าจะปรากฏ แต่ก็มีความจำเป็นที่เราต้องปรับตัวสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน (Competitive Advantage) ขึ้นมาเพื่อพร้อมรับการเข้ามาของคู่แข่งรายอื่นและเพื่อเป็นการสร้างอำนาจการต่อรองให้กับตัวเองด้วย
สำหรับแนวทางกลยุทธ์คาดว่าจะมีพื้นที่ยืดหยุ่นมากขึ้นกับStartup เนื่องจาก Trump ค่อนข้างจะโปรธุรกิจขนาดเล็กและมีการพูดถึงการยกเลิกข้อบังคับยิบย่อยเพื่อให้ภาครัฐเปิดช่องการทำงานให้กับเอกชนมากขึ้น ตัวอย่างที่ถกกันก็เช่น เรื่องมาตรการควบคุมอาหารและยาซึ่งจะทำให้ Startup จำนวนมากในวงการ Healthcare นำเสนอสินค้าบริการรูปแบบแปลกๆใหม่ๆออกสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น หรือเรื่องกฎหมายควบคุมการใช้ Drone ที่เป็นอนาคตของการขนส่งและการค้าปลีก หากไม่ติดข้อบังคับคงพบ Drone บินกันว่อนฟ้า ทั้งใช้ทำหน้าที่ส่งพิซซ่า หรือเก็บข้อมูลวิจัยตลาดแบบ real-time อย่างไรก็ดีแม้จะมีโอกาสให้ทำอะไรได้มากแต่ธุรกิจต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมอยู่เสมอ และหากเกรงว่าตัวเองไม่ทำแล้วคนอื่นทำจะไปสร้างความสูญเสียให้ธุรกิจที่มีอยู่ ก็ควรนึกถึงช่องทางการรวมตัวของกลุ่มผู้ประกอบการเพื่อช่วยกันรักษามาตรฐานที่ควรเป็นเพื่อความยั่งยืนของสังคมและธุรกิจเอง เช่นที่กลุ่มที่ทำงานด้าน AI (Artificial Intelligence) มีการรวมกลุ่มประชุมทำความตกลงกันถึงการผลักดันการนำ AI ไปใช้ ซึ่งโดยศักยภาพสามารถทำได้เยอะแยะมากมาย
การปรับตัวอีกประการที่สำคัญเพื่อรับกับนโยบาย America First ได้แก่การเข้าจับมือทำงานกับคู่ค้าชาวอเมริกันเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ด้วยเสียเลย เข้าตำราถ้าแข่งไม่ได้ก็ร่วมมือกันเลยดีกว่า โดยแนวทางนี้จะส่งผลต่อโมเดลธุรกิจและข้อตกลงส่วนแบ่ง เบื้องต้นมีแนวทางที่สหรัฐจะลดภาษีองค์กรธุรกิจลง เป็นแรงจูงใจให้ธุรกิจยังคงอยู่ในประเทศเพื่อสร้างงานมากกว่าที่เคยมีแนวโน้มจะย้ายฐานไปต่างประเทศ สำหรับองค์กรธุรกิจที่มีสาขาในหลายประเทศก็เริ่มมีการมองถึงการโยกกลับ แต่สำหรับคนที่คิดว่าจะมีโอกาสเข้าไปต่อยอดการงานในอเมริกาคงต้องคิดใหม่ด้วยนโยบายการให้ Visa ที่ปกป้องประโยชน์คนอเมริกันในการได้งานมากกว่า
หลังจากมองการปรับกลยุทธ์ธุรกิจเพื่อรับตลาดสหรัฐฯที่จะเปลี่ยนไปและการปรับโมเดลโครงสร้างเพื่อแสวงหาโอกาสจากความร่วมมือกับคู่ค้าในสหรัฐฯ สุดท้ายอย่าลืมทางหนีทีไล่ โลกใบนี้ไม่ได้มีแค่สหรัฐอเมริกา ด้วยอิทธิพลสนับสนุนของเทคโนโลยีและการเบ่งบานของ Startup แล้ว ยิ่งทำให้ฐานการคิดและการทำงานจะเกิดการกระจายตัวมากขึ้น ที่ปรากฏแล้วเช่นที่ออสเตรเลียมีการกระตุ้นให้ Starup มองการทำการค้ากับตลาดเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะหลัง Trump ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ด้วยเป็นที่ทราบกันดีถึงการเติบโตของตลาดฝั่งนี้และด้วยข้อได้เปรียบที่ตั้งของออสเตรเลีย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมายังเห็นรัฐบาลออสเตรเลียทำความตกลงการค้าเสรีกับหลายประเทศในเอเชียอีกด้วย
โลกหมุนเปลี่ยนไปเรื่อย สำหรับ Startup ที่มีข้อได้เปรียบในขนาดและความยืดหยุ่นในการปรับตัวแล้ว การเปลี่ยนแปลงของโลกนับเป็นเรื่องดีที่สร้างโอกาสเปิดที่ทางให้รายใหม่กับความคิดใหม่ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เรื่องของ Trump เหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่แต่แท้จริงก็เป็นเพียงเรื่องหนึ่งในอีกหลายเรื่องที่ธุรกิจต้องนำมาครุ่นคิดเพื่อเคลื่อนไปข้างหน้า
ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 24 ก.พ. 2560