เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการ E-clipping » รายละเอียด E-clipping
ราคายางตลาดโลกสูงสุดรอบ5ปี

          ราคายางวันที่ 31 ม.ค. 2560 ที่ตลาดกลางหาดใหญ่ จ.สงขลา ราคายางแผ่นดิบ อยู่ที่กก.ละ 93.52 บาท เพิ่มขึ้น 3.47 บาท และ ยางแผ่นรมควันที่กก.ละ 97.89 บาท ปรับขึ้น 2.23 บาท เมื่อเทียบกับวันที่ 30 ม.ค.

          เทรดเดอร์ กล่าวว่า ปัจจัยบวกมาจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานยางและความต้องการของผู้ประกอบการในประเทศ ยังคงมีอยู่ เนื่องจากหลายพื้นที่ปลูกยางทางภาคใต้ของไทยได้รับผลกระทบ จากภาวะน้ำท่วม ต้องใช้เวลาฟื้นฟู ขณะที่พื้นที่ปลูกยางทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มเข้าสู่ฤดูยางผลัดใบ

          อย่างไรก็ตาม ราคาตลาดล่วงหน้าโตเกียวปรับตัวลดลงจากการเทขาย ทำกำไรของนักลงทุน หลังจากราคาสูงขึ้น แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี และการ แข็งค่าของเงินเยนและเงินบาท อีกทั้งราคาน้ำมันที่ผันผวนยังคงเป็นปัจจัยกดดันราคายางได้ในระดับหนึ่ง

          นายธีธัช สุดสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่ายางแผ่นดิบรมควันชั้น 3 ขยับขึ้นมาที่กก.ละ 97 บาท ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายชะลอการส่งออกยางของ 3 ประเทศ ในปี 2559 จำนวน 7 แสนตัน ประกอบกับสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ทำให้เกษตรกรไม่สามารถออกไปกรีดยางได้และต้นยางบางส่วน ได้รับความเสียหายผลผลิตที่ควรจะ ออกสู่ตลาดในช่วงนี้ประมาณ 3-4 แสนตัน จึงหายไป  ในขณะที่ความต้องการใช้ยางในตลาดยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนโยบาย ลดการนำเข้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ส่งผลให้ผู้ประกอบการ สหรัฐ  เร่งนำเข้ายางมากขึ้นในช่วง ต้นปีก่อนนโยบายดังกล่าวจะมีผลอย่างเป็นทางการ ทำให้ราคายางพาราในช่วงนี้ปรับตัวสูงขึ้นทุกตลาด

          "ยางที่หายไป 1 ล้านตัน คิดเป็น 10% ของความต้องการใช้ยางในตลาดโลกอยู่ที่ 12 ล้านตันต่อปี มีผลกระทบต่อตลาดพอสมควร แต่ผมไม่อยากให้ทุกคนตื่นเต้นกับราคาที่สูงขึ้น อยากให้พิจารณาผลผลิตที่ควรจะสอดคล้องกับความต้องการของราคามากกว่า หากมีการเร่งปลูกมากไปอนาคตราคาปรับลดลงแน่ เกษตรกรต้องรู้จัก การกระจายความเสี่ยงปลูกพืชชนิดอื่น และมีเงินทุนสำรองเอาไว้เมื่อมีรายได้สูงขึ้น ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย" นายธีธัช กล่าว

          สำหรับแนวโน้มราคายางคาดว่าจะ ปรับตัวสูงขึ้น แต่ต้องดูสถานการณ์ในสัปดาห์หน้าหลังจากเปิดตลาดอีกครั้งหลังจาก ตรุษจีน ซึ่งจะเห็นระดับราคาที่ชัดเจนขึ้นในช่วงเดือนก.พ. แต่ในเบื้องต้นราคาเฉลี่ยของปีนี้จะสูงกว่าปีที่ผ่านมาที่มีราคาเฉลี่ยที่กก.ละ 50 บาท ซึ่ง กยท.จะติดตามอย่างต่อเนื่องเพื่อแจ้งเตือนภัยให้เกษตรกร รวมทั้งส่งเสริมปลูกในพื้นที่เหมาะสมตามแผนภาคเกษตรเท่านั้น

 

ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 1 ก.พ. 2560



เอกสารที่เกี่ยวข้อง