นอกเหนือจากการศึกษาวิจัย ยังมีการต่อยอดสู่การเฟ้นหาองค์กรที่น่าทำงานด้วยมากที่สุด ทั้งในระดับประเทศและในระดับภูมิภาค โดยเมื่อไม่นานผ่านมาได้เปิดตัวโครงการค้นหาสุดยอดนายจ้างดีเด่นครั้งที่ 9 ประจำปี 2560 (Best Employers-Thailand 2017) ซึ่งขณะนี้กำลังเปิดรับสมัครให้องค์กรนายจ้างสมัครเข้ามา และจะปิดทำการราวสิ้นเดือนเมษายน 2560
"รศ.ดร.ศิริยุพา รุ่งเริงสุข" ผู้อำนวยการหลักสูตรการบริหารงานบุคคล สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า บริษัทที่เป็นสุดยอดนายจ้างดีเด่นคือบริษัทที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำหนดกลยุทธ์ และวางระบบของการบริหารงานบุคคล ซึ่งส่งผลต่อความผูกพันของพนักงาน และเครื่องมือประเมินผลของโครงการสุดยอดนายจ้างดีเด่น เพราะจะเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกสู่ความสำเร็จ
เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เอออน ฮิววิท และศศินทร์ร่วมกันศึกษา และพัฒนาทฤษฎี แนวทางปฏิบัติ และงานวิจัย จากข้อมูลที่ได้จากกลุ่มบริษัทผู้เข้าร่วมโครงการ และแนวโน้มธุรกิจทั่วโลก รวมไปถึงจากผู้ตัดสิน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการบริหารจากทุกแผนกงาน แล้วนำมา บูรณาการร่วมกัน เพื่อให้มั่นใจว่าเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินโครงการสุดยอดนายจ้างดีเด่นระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และประเทศไทยครอบคลุมความท้าทายทางธุรกิจ และการบริหารบุคคลทุกมิติ
ทั้งนี้ การจะเป็นนายจ้างที่ดีเด่นต้องมีการปรับตัวให้ทันต่อแนวโน้มของโลกอยู่เสมอ ซึ่งแนวโน้มโลกยุคใหม่ ปี 2025 มีหลายประเด็นด้วยกันคือ โลกาภิวัตน์ที่จะเปลี่ยนจากเวอร์ชั่น 1.0 เป็น 2.0 โดยศูนย์กลางของเศรษฐกิจจะกระจายอำนาจมาที่ฝั่งเอเชีย มีผลทำให้แรงงานกระจายตัวทั่วโลก
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างทวีคูณ เกิดการทำงานอย่างไร้พรมแดน โดยไม่ต้องมีออฟฟิศ และทำงานได้ตลอด 24 ชม. สังคมมีความไม่แน่นอน มีความท้าทาย และมีโอกาสพร้อม ๆ กัน ทำให้นายจ้างจำเป็นต้องหาสูตรสำเร็จในการทำงาน
"10 ปีจากนี้ บทบาทของเอชอาร์จะไม่ใช่คนทำงานออฟฟิศ แต่เป็น Business Copilot ร่วมบริหารธุรกิจไปพร้อมกับซีอีโอ สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ได้รับการปฏิบัติจากพนักงาน และเป็นเอชอาร์ที่มีมุมมองกว้าง ส่วนนายจ้างเรามองว่าคนที่จะเป็นนายจ้างที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จต้องมีลักษณะ 3 ประสาน คือทำงานร่วมกับ HR และผู้จัดการแผนก รวมถึงสามารถสร้างความผูกพันต่อพนักงานที่มีความหลากหลายให้เป็นหนึ่งเดียว"
"ดร.อดิศักดิ์ จันทรประภาเลิศ" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอออน ฮิววิท ประเทศไทย กล่าวถึงผลการศึกษาของโครงการสุดยอดนายจ้างดีเด่นปีที่ผ่านมาว่า หากองค์กรมีเป้าหมายในการเป็นสุดยอดนายจ้างดีเด่น ควรจะให้ความสำคัญ 3 เรื่องคือ
หนึ่ง การปรับประสบการณ์ของพนักงานในองค์กร โดยการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการเชื่อมโยงคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่เข้าด้วยกัน และออกแบบองค์กรให้รองรับอนาคต
สอง การนำข้อมูลที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ในการช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน และใช้ข้อมูลเพื่อเชื่อมโยงระหว่างพนักงานกับผลการทำงานขององค์กร
สาม การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมขององค์กรเพื่อให้สอดรับกับกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยองค์กรสุดยอดนายจ้างดีเด่นมีการปรับเปลี่ยนมิติของคนในส่วนต่าง ๆ ให้เข้ากับวัฒนธรรมขององค์กรในภาพใหญ่
"เราพบว่าองค์กรที่เป็นสุดยอดนายจ้าง ดีเด่นทำได้ดีกว่าองค์กรทั่ว ๆ ไปในทุกด้าน และได้รับประโยชน์ทั้งในด้าน Top Line คือเรื่องผลกำไร ยอดขาย และ Bottom Line คือในเรื่องของต้นทุน ดังนั้น การจะเป็นองค์กร 4.0 หลายองค์กร ต้องหล่อหลอมสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สามารถดึงดูดคนเก่ง"
"ปพิชญา วะนะสุข" ผู้จัดการโครงการนายจ้างดีเด่นประจำปี 2560 กล่าวเสริมว่า จากการที่สภาพแวดล้อมของธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลง และการก้าวสู่เศรษฐกิจยุค 4.0 ทำให้ความต้องการของธุรกิจเปลี่ยนแปลง ควบคู่ไปกับแนวโน้มคนเก่งที่เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ซึ่ง 2 ปัจจัยที่กล่าวมาส่งผลให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลต้องทบทวนรูปแบบการทำงานใหม่ โดยต้องเข้าใจถึงบริบทของธุรกิจ รู้ทิศทาง และมีการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาคน
"ดังนั้น โครงการสุดยอดนายจ้างดีเด่น จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยสะท้อนให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลเข้าใจภาพองค์กรในปัจจุบันครบทุกมิติ ทั้งทิศทางธุรกิจจาก ผู้บริหารระดับสูง ความพร้อมของการ บริหารทรัพยากรบุคคล และความพึงพอใจจากการรับรู้จากพนักงาน เพราะเราวิเคราะห์เทียบกับองค์กรที่เป็นสุดยอดนายจ้าง ดีเด่น 4 มิติคือ ความผูกพันของพนักงาน ในองค์กรสูง, ผู้นำองค์กรมีประสิทธิภาพสูง, ภาพลักษณ์ขององค์กรที่โดดเด่น และวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมประสิทธิภาพ"
เพราะฉะนั้น ในปี'60 มาดูกันอีกทีว่าองค์กรใดจะได้เป็นสุดยอดนายจ้างดีเด่น
ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 15 - 18 ธ.ค. 2559
