เมนู
ค้นหา

BAAC LIBRARY

หอสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หน้าแรก » รายการ E-clipping » รายละเอียด E-clipping
ดีเดย์ประกันภัยข้าวนาปี 58 จ่ายเบี้ยเริ่มต้นที่ 60 บาทต่อไร่

          นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2558 ให้ ธ.ก.ส.ดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558 ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่อง จากปีการผลิตข้าว 2554-2557 โดยให้ ธ.ก.ส.ทำหน้าที่ผู้บริหารโครงการและเป็นตัวกลางระหว่างเกษตรกรผู้เอาประกันภัยกับผู้รับประกันภัยเอกชน และให้ ธ.ก.ส.ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลไปก่อน โดยรัฐบาลจะตั้งงบประมาณจ่ายในส่วนเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยดังกล่าวตามที่จ่ายจริง พร้อมด้วยค่าชดเชยต้นทุนเงินให้กับ ธ.ก.ส.ในปีงบประมาณถัดไป

          สำหรับโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558 เพื่อดำเนินการให้ความคุ้มครองแก่เกษตรกรลูกค้าผู้เอาประกันภัย ครอบคลุมภัยธรรมชาติ 7 ประเภท โดยมีหลักการสำคัญดังนี้ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ เป็นผู้เอาประกันภัยได้รับความคุ้มครองจากภัยธรรมชาติ ได้แก่อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ อากาศหนาว ลูกเห็บ และอัคคีภัย รวมทั้งภัยศัตรูพืชและโรคระบาด มีการแบ่งพื้นที่การรับประกันภัยออกเป็น 5 พื้นที่ตามระดับความเสี่ยง เพื่อจัดเก็บเบี้ยประกันภัยในอัตราที่แตกต่างกันตามระดับความเสี่ยงของพื้นที่ ตั้งแต่ 124.12 บาท ถึง 483.64 บาท โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ รับภาระค่าเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 60-100 บาทต่อไร่ และรัฐอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยในส่วนที่เหลือ 64.12- 383.64 บาทต่อไร่

          ทั้งนี้ ภาคเอกชนเป็นผู้รับประกันภัย วงเงินความคุ้มครอง 1,111 บาท ต่อไร่ ตลอดช่วงการต้อนรับเพาะปลูกสำหรับภัยธรรมชาติ 6 ประเภทดังกล่าวและวงเงินความคุ้มครอง 555 บาทต่อไร่

          สำหรับภัยศัตรูพืชและโรคระบาด โดยการจ่ายค่าสินไหมทดแทนใช้เกณฑ์การประเมินความเสียหายที่ภาครัฐดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เช่นเดียวกับการดำเนินโครงการปี 2554 - 2557 กำหนดจำนวนพื้นที่เป้าหมายการเอาประกันภัยทั่วประเทศเป็นจำนวน 1.5 ล้านไร่

          สำหรับระยะเวลาในการดำเนินโครงการฯ เริ่มขายกรมธรรม์ตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม - 14 สิงหาคม 2558 สำหรับทุกภาคยกเว้นภาคใต้สิ้นสุดการรับทำประกันภัยวันที่ 11 ธันวาคม 2558

          ทั้งนี้ ในปีการผลิต 2558 นี้ รัฐบาลได้เริ่มโครงการเร็วขึ้นกว่าปีที่ผ่านๆ มา ทำให้เกษตรกรมีโอกาส ในการเข้าร่วมและได้ประโยชน์จากโครงการมากขึ้น

          "ธ.ก.ส.จะทำหน้าที่บริหารโครงการประกันภัยข้าวนาปีและเป็นตัวกลางระหว่างเกษตรกรลูกค้าผู้เอาประกันภัยกับผู้รับประกันภัย รวมทั้งทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลโดยจะขอชดเชยเงินจากรัฐบาลในส่วนของเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยตามจำนวนที่จ่ายจริง วงเงินไม่เกิน 476 ล้านบาท พร้อมเห็นชอบให้ ธ.ก.ส.สมทบค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับเกษตรกรลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการในอัตราไร่ละ 10 บาท โดยใช้จ่ายจากเงินกองทุนบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัยธรรมชาติและภัยพิบัติ ซึ่ง ธ.ก.ส.พร้อมดำเนินการให้ทันฤดูกาล เพาะปลูกในเดือนพฤษภาคมนี้" นายสมหมายกล่าว

          นายสมหมายกล่าวว่าในปี 2559 ตั้งเป้าหมายมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการประกันภัยข้าวนาปีเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว หรือเพิ่มเป็น 3 ล้านไร่ จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีเกษตรกรเข้าโครงการ 1.5 ล้านไร่ ทั้งนี้ ประเมินว่า หากมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการมากขึ้น มีแนวโน้มจะส่งผลให้เบี้ยประกันที่เกษตรกรจะต้องจ่ายนั้น อาจน้อยกว่าปัจจุบัน รวมถึงวงเงินที่จะได้รับการชดเชยจะมากกว่าปีนี้ที่ 1,111 บาทต่อไร่ด้วย


ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า  16 พ.ค. 58  หน้า 11